คลังไม่ได้ถังแตก จ่ายเงินคืน "ชิมช้อปใช้" เปิดสาเหตุลึกๆ ทำไมล่าช้า เลยเวลา

คนได้สิทธิ์ “ชิมช้อปใช้” และใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 หรือ G-Wallet 2 ไปแล้ว ต่างมีความสงสัย หรือหัวเสียไม่พอใจถึงความล่าช้าในการรับเงินคืน (Cash Back) ตามเงื่อนไขของมาตรการ กรณีใช้จ่ายเงินไม่เกิน 30,000 บาท จะได้รับเงินคืน 15% หรือหากใช้จ่ายเงินตั้งแต่ 30,001-50,000 บาท จะได้รับเงินคืน 20% รวมเงินคืนสูงสุด 8,500 บาท

เพราะเมื่อถึงกำหนดรอบวันที่ 15 ม.ค. 2563 กลับไม่ได้รับการโอนเงินคืน มีเพียง SMS ส่งข้อความ "กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องการใช้สิทธิ์มาตรการ "ชิมช้อปใช้" และเงินคืน (Cash Back) ท่านจะได้รับเงินคืนทันทีเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น" สร้างความคลางแคลงใจให้กับหลายคน ว่าเป็นเพราะเหตุใด?

“ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” สอบถามไปยัง "น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย" รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า การจ่ายเงินคืน "ชิมช้อปใช้" ล่าช้า เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เพิ่งผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภาในวาระ 2 และวาระ 3 จึงยังไม่มีผลบังคับใช้ ทำให้มีเงินคงเหลือที่สามารถนำจ่ายได้ส่วนหนึ่งไปก่อน โดยการจ่ายเงินคืน จะเรียงลำดับจากผู้มีสิทธิ์ที่เริ่มใช้จ่ายเงิน G-Wallet 2 ตามลำดับก่อนหลัง สำหรับผู้มีสิทธิ์ที่ไม่ได้รับเงิน เมื่อได้รับงบประมาณแล้วจะเร่งดำเนินการโอนเงินโดยเร็ว คาด พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะประกาศบังคับใช้ต้นเดือน ก.พ.นี้

ส่วนอีกสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากพบความผิดปกติในการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องจากข้อสงสัยของทีมงานธนาคารกรุงไทย ซึ่งทำงานร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้กระทรวงการคลังต้องชะลอการจ่ายเงินคืน

ทั้งนี้หากพบความผิดปกติจะมีการส่งข้อความ SMS ไปยังผู้ได้สิทธิ์ให้ติดต่อมายังเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไป เพื่อนัดหมายให้มาชี้แจงเรื่องข้อมูลการใช้จ่ายกับฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการคลัง หรือคลังจังหวัดในพื้นที่นั้นๆ และในกรณีไม่ติดต่อกลับ จะมีข้อความ SMS ส่งไปอีกครั้ง หากไม่ติดต่อภายในเวลาที่กำหนด แสดงว่าไม่ประสงค์จะรับเงินคืนอีกต่อไป

“กรมบัญชีกลางมีหน้าที่โอนเงินคืน และที่ผ่านมาได้โอนเงินคืนรอบแรกให้กับผู้มีสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. ไปจนถึงก่อนวันที่ 15 ธ.ค.2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต้องจ่ายเงินคืนรอบต่อไปตามกำหนด ในช่วงวันที่ 15 ม.ค.2563 และวันที่ 15 ก.พ.2563 แต่ต้องล่าช้าออกไปเพราะ พ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ประกาศบังคับใช้ อีกอย่างเมื่อพบความผิดปกติก็ได้ส่ง SMS ไปหาผู้ได้สิทธิ์ให้มาชี้แจง อาจใช้เวลาไม่นาน เช่น กรณีใช้จ่ายซื้อสินค้ามีมูลค่าสูง ก็ควรมีใบเสร็จนำมาชี้แจง หรือหากไม่มีใบเสร็จก็ได้ แต่ต้องมาชี้แจง เฉพาะบางคนที่อาจบิดเบือนทำไม่ถูกต้อง อาจแสดงพิรุธให้เห็นได้”

พร้อมย้ำว่า “ชิมช้อปใช้” เฟส 4 ที่ล่าช้าออกไปไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการพบความผิดปกติการใช้จ่ายเงินในกระเป๋า 2 แต่อยู่ระหว่างการเปิดโอกาสให้ร้านค้าเข้าร่วมเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมขยายวงกว้างในการใช้จ่ายกระเป๋า 2 ตอบสนองความต้องการของผู้ได้สิทธิ์ “ชิมช้อปใช้” ให้มากขึ้นในการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่หลากหลาย ไม่เพียงเฉพาะสินค้าหัตถกรรมหรือโอทอปเท่านั้น.