11 เดือนพุ่งหมื่นล้านเหรียญฯ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ยางไปทั่วโลก และประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) พบว่า ตั้งแต่ปี 2561 ไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน เยอรมนี และสหรัฐฯ และมีอัตราการขยายตัวของการส่งออกเพิ่มอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก ส่วนในระยะ 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.) ไทยส่งออกได้ 10,221 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดส่งออกสำคัญๆ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และออสเตรเลีย สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางนอกที่ใช้กับยานพาหนะ ยางสังเคราะห์ และถุงมือยาง
“การมีเอฟทีเอถึง 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ คือ อาเซียน 9 ประเทศ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญทำให้การส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก เพราะ 13 ประเทศคู่เอฟทีเอ ไม่เก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางจากไทย เหลืออีกเพียง 5 ประเทศ คือ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ชิลี และเปรู ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางจากไทยบางรายการแม้ส่วนใหญ่ยกเลิกเก็บแล้ว”
สำหรับสหรัฐฯ แม้ไม่ใช่คู่เอฟทีเอของไทย แต่ที่ผ่านมาไทยได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) จากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งสหรัฐฯยังนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นแทนจากจีน จากผลกระทบของสงครามการค้า ดังนั้น การผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มเติม ผ่านการทบทวนเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบัน การหาข้อสรุปเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงการเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟต้า) เป็นต้น จะมีส่วนสำคัญในการสร้างแต้มต่อผลิตภัณฑ์ยางไทยในตลาดโลก
ดังนั้น ต้องการให้ผู้ส่งออกไทยนำเรื่องการที่ประเทศผู้นำเข้าลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรผลิตภัณฑ์ยางจากไทยภายใต้เอฟทีเอ มาเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาเลือกตลาดส่งออก และเพิ่มโอกาสการส่งออกของไทยด้วย.