ประเทศไทยปี 2562 หลายคนบอกว่า เผาหลอก แต่ปีหน้าเผาจริง! วลีนี้อาจไม่ใช้เสียแล้ว เพราะดูท่าแล้ว ปีนี้เผาจริง ปีหน้าเก็บกระดูก! เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวย, มนุษย์เงินเดือน, พ่อค้าแม่ขาย, หรือเกษตรกร คุณทุกคนล้วนได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อมทั้งสิ้น ไทยรัฐออนไลน์ พาคุณเดินทางข้ามกาลเวลา ไปส่องดูว่า ปี 2563 คุณต้องพบกับฝันร้ายอะไร?
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ปี 2563 นักธุรกิจทุกภาคส่วนทั้งรายเล็กรายใหญ่ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีผลต่อประเทศไทย, ค่าเงินบาทแข็งค่า เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไข เพราะเวลานี้เงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาเพื่อลงทุน แต่เข้ามาพักเพื่อเอาดอกเบี้ย
ส่วนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะเป็นเท่าไหร่นั้น นายสุพันธุ์ ระบุว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาร่วมกับองค์กรภาคเอกชนอีกหลายฝ่าย
ด้าน นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ภัทร วิเคราะห์เศรษฐกิจปี 2563 ให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การลงทุนของประเทศไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสูง และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า
โดย 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินทั่วโลกพบว่า เงินบาทแข็งค่าถึง 20% จนสามารถเรียกได้ว่า “แข็งที่สุดในปฐพี” ซึ่งส่งผลให้สินค้าไทยที่ไปซื้อขายกับประเทศต่างๆ แพงขึ้นราว 20% และเป็นเหตุให้กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของนักลงทุน
ขณะที่ “การบริโภค” หรือกำลังซื้อในประเทศปีนี้อ่อนแอลง ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ยอดขายโตติดลบ จึงทำให้การบริโภคเติบโตลดลง ส่งผลไปยังยอดขายตามร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งสิ่งที่เป็นห่วง คือ เมื่อบริษัทเหล่านี้ลดกำลังผลิต สิ่งที่ตามมาก็คือ แรงงานได้รับผลกระทบเต็มๆ เช่น ลดโอที, ปรับลดพนักงาน, ให้หยุดงานมากขึ้น เพื่อจ่ายค่าจ้างน้อยลง, ข่าวปลดคนงานเริ่มถี่ขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจากปลายปีนี้สู่ต้นปีหน้า
MERCER (เมอร์เซอร์) บริษัทในเครือของ Marsh & McLennan Companies (NYSE: MMC) ผู้ให้บริการด้านความเสี่ยง กลยุทธ์และบุคลากร เผยแนวโน้มการเติบโตของอัตราการจ้างงานและเงินเดือนปี 2563
โดยตัวเลขและการคาดการณ์มาจากผลการสำรวจอัตราค่าตอบแทนและสวัสดิการ โดยปีนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการศึกษาเพิ่มเป็น 607 บริษัท จากหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย
โดยปี 2563 ตัวเลขคาดการณ์ขึ้นเงินเดือนของอุตสาหกรรมหลักในประเทศไทยคงตัวอยู่ที่ 5% สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% (1.0% ในปี 2562) โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นเงินเดือนสูงสุด คือ อุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ที่ 5.5% ขณะที่อุตสาหกรรมเคมีมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเงินเดือนอยู่ที่ 5.2%
สำหรับแนวโน้มของการจ้างงานในประเทศไทยปี 2563 คาดว่า องค์กรต่างๆ มีแผนที่จะว่าจ้างงานอยู่ที่ 29% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วน 31% ในปี 2562 จากอัตราที่คงที่ของการออกจากงานโดยสมัครใจ องค์กรส่วนมากจึงมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงาน
ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ต้นปี 2563 เกษตรกรไทยมีโอกาสได้เจอภาวะภัยแล้ง ซึ่ง สสน. ได้ใช้ดัชนีสมุทรศาสตร์สร้างแบบจำลองวิเคราะห์สภาพอากาศ โดยพบว่า เอลนีโญมีโอกาสยาวนานไปถึงต้นปี 2563 ซึ่งเอลนีโญเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561
เมื่อถามว่า ปี 2563 ประเทศไทยจะแห้งแล้งขนาดไหน? ดร.สุทัศน์บอกว่า ขึ้นอยู่กับว่าฤดูฝนปี 2562 จะมีพายุพัดเข้าประเทศไทยมาเติมน้ำในเขื่อนได้มากแค่ไหน
ขณะที่ ดร.ชวลิต จันทรรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำ ระบุว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือ การเพาะปลูกพืชเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกข้าวในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ฝนตกน้อย ดังนั้น จะเพาะปลูกได้เฉพาะพื้นที่ที่เข้าถึงชลประทานเท่านั้น
ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน หากชาวนาไม่ยอมลดพื้นที่ปลูกข้าว คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวจะเสียหายแน่ เพราะได้รับผลกระทบร่วมจากปัญหาน้ำในเขื่อนน้อย
เมื่อรู้แล้วว่า ปี 2563 คุณต้องเผชิญกับอะไร
ขอให้รู้ไว้ ถ้าใจสู้ สองมือทำ
สักวันจะเป็นวันของคุณ!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "ประเทศไทยปี 2020"