คลังชง "ชิมช้อปใช้เฟส 3" เข้า ครม. 12 พ.ย.นี้ กระตุ้นใช้จ่ายต่อถึงปลาย ม.ค.ปีหน้า ตั้งเป้า 2 ล้านคน ลงทะเบียนใช้จ่ายในภูมิลำเนาหรือจังหวัดในทะเบียนบ้านตัวเองได้ พร้อมปลดล็อกให้เฟส 1 และเฟส 2 ให้ใช้จ่ายในภูมิลำเนาตนเองได้เช่นกัน ลั่น! ไม่แจก 1,000 บาท แต่คงสิทธิจูงใจใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 คืนเงินสูงสุด 20% กรุงไทยเปิดยอดใช้จ่าย "ชิมช้อปใช้" ทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท เดินหน้ากระตุ้นการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยหลังเป็นประธานหารือการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง “ประชารัฐสร้างไทย” ว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 12 พ.ย.62 กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมต่ออายุมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เป็นระยะที่ 3 หรือเฟส 3 ให้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.ปี 63 จากเดิมจะสิ้นสุดมาตรการสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเงื่อนไขชิมช้อปใช้เฟส 3 นี้ เบื้องต้นจะไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท เหมือนเฟส 1 และเฟส 2 เนื่องจากต้องการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในกระเป๋าเงินที่ 2 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งจะมีการคืนเงิน (แคชแบค) 15-20% วงเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท วงเงินรวมไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ควักออกมาใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยรัฐบาลจะคงสิทธิคืนเงินนี้ไว้เพื่อจูงใจให้คนใช้จ่ายเหมือนกับเฟส 1 และ 2
ส่วนผู้เข้าร่วมโครงการในชิมช้อปใช้เฟส 3 นี้ กำหนดจำนวนไม่เกิน 2 ล้านคน ซึ่งสามารถลงทะเบียนใช้จ่ายในภูมิลำเนาของตัวเองได้ โดยหลังจาก ครม.อนุมัติแล้วจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือน พ.ย.นี้ผ่าน www.ชิม ช้อป ใช้.com เหมือนเดิม นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้ปลดล็อกให้ผู้ที่ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ในเฟส 1 และเฟส 2 สามารถใช้เงินในกระเป๋าเงินเป๋าตังในภูมิลำเนาตนเองได้อีกด้วย จากเดิมไม่สามารถใช้ได้
“ปัญหายอดใช้จ่ายกระเป๋าสองไม่คึกคักเท่าที่ควรนั้น ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างแก้ไขปัญหา คาดว่าภายใน 2-3 วันจะสรุปแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมได้ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และร่วมแก้ปัญหาร้านค้าบางร้านไม่รับชำระกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ทางธนาคารกรุงไทย จะชักชวนผู้ประกอบการร้านค้าและโรงแรมดังเข้าร่วมโครงการด้วยเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ”
ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายภาพรวมของทั้งประเทศผ่านแอปเป๋าตัง ณ วันที่ 9 พ.ย. 62 มีจำนวนทั้งสิ้น 11,727.40 ล้านบาท ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 1 (กระเป๋าเงินช่องที่ 1) จำนวน 10,992 ล้านบาท และ G-Wallet2 (กระเป๋าเงินช่องที่ 2) จำนวน 735 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านค้าประเภทชิม 13.21% ร้านค้าประเภทช้อป 59.10% ร้านค้าประเภทใช้ 1.27% และ ร้านค้าทั่วไป 26.42%
ส่วนวิธีการชำระเงินเพื่อรับสิทธิเงินคืน เข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพียงกดที่เมนูใช้สิทธิรับเงินคืน 15-20% และเลือกใช้จ่ายร้านค้าถุงเงิน ในส่วนการรับเงินคืนจะมี 2 รอบ รอบแรกสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่ วันที่ 27 ก.ย.-30 พ.ย. 62 จะได้รับเงินคืนกลาง ธ.ค. 62 และ รอบที่ 2 การใช้จ่ายช่วง 1-31 ธ.ค. 62 จะได้รับเงินคืนกลาง ม.ค. 63 และ ลูกค้าสามารถโอนเงินคืนจากโครงการชิมช้อปใช้เข้าบัญชีธนาคารของลูกค้าได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่สามารถใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 มีจำนวนกว่า 173,000 ร้านค้า ทั้งเครือโรงแรมเซ็นทารา ใบหยก แอคคอร์ ดุสิต ชาเทรียม ไฮแอท ไอเอชจี แมริออท ทีทีซี และ โรงแรมรีสอร์ตอื่นๆ ทั่วประเทศราว 4,600 แห่ง เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับสิทธิเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ มากยิ่งขึ้น และ มีการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 เพิ่มขึ้น.