นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจเรื่องผลกระทบร้านค้าปลีกจากนโยบายการขึ้นภาษียาสูบที่จัดทำโดยนิด้าโพล โดยทำการสำรวจความเห็นของร้านค้า โชห่วยที่ขายยาสูบใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 1,029 ร้าน เมื่อเดือน ก.ย.2562 พบว่าร้านค้ากว่า 95% คาดว่าจะถูกกระทบ หากมีการขึ้นภาษีบุหรี่ในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็นอัตราเดียว 40% ซึ่งทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นจากซองละ 60 บาท เป็นซองละ 90-100 บาท
ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ร้านค้าในภาพรวมขายของได้น้อยลง 73% โดยขายยาเส้นได้น้อยลง ตั้งแต่ขึ้นภาษียาเส้น 20 เท่า เมื่อเดือน พ.ค.62 จาก 0.005 บาทต่อกรัม เป็น 0.1 บาทต่อกรัม และ 83% ระบุว่าขายบุหรี่ได้น้อยลงตั้งแต่ขึ้นภาษีบุหรี่เดือน ก.ย.60 โดยร้านค้ากว่า 90% ยืนยันเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีบุหรี่รอบหน้าจาก 20% เป็นอัตราเดียว 40% ในวันที่ 1 ต.ค.2563 เพราะจะทำให้รายได้จากการขายของลดลงเนื่องจากต้นทุนบุหรี่สูงขึ้น
“สมาคมจะนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นนี้ต่อนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กรมสรรพสามิต และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อไป เพื่อสะท้อนสถานการณ์ปากท้องของร้านค้าให้ได้รับ ทราบและพิจารณาปรับแนวนโยบาย เพื่อลดผลกระทบหรือบรรเทาปัญหาให้แก่ร้านค้าเหล่านี้”
ขณะที่ด้านตัวแทนร้านโชห่วย กล่าวว่า ยาสูบหรือยาเส้นขึ้นราคาผู้สูบบุหรี่ก็ยังไม่เลิกสูบอยู่ดี ถ้ารัฐบาลจะขึ้นภาษีโดยส่งผลกระทบให้น้อยที่สุดก็น่าจะค่อยๆขึ้นเป็นช่วงๆไปจะดีกว่า และร้านค้าก็เข้าใจว่าราคาสินค้าต้องมีการปรับขึ้นกันบ้าง เพราะรัฐบาลก็อยากให้คนบริโภคน้อยลง.