“พุทธิพงษ์” ลั่นนโยบาย 5 จี วางรากฐานเพื่อลูกหลานในอนาคต และรองรับทัพลงทุนย้ายฐานมาในอาเซียน หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน “ฐากร” ถือฤกษ์วันธงชัย 16 ก.พ.63 เคาะราคาประมูล 5 จี ขณะที่ค่ายมือถือขอให้รัฐคิดวิธีการใหม่ เพื่อเดินหน้าให้ถึงฝั่ง เพราะวิธีเดิม ไม่นำพาประเทศไปสู่ 4.0ได้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "โรดแมป 5 จี ดันไทยนำอาเซียน" จัดโดยบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ณ โรงแรม พลูแมน รางน้ำ ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย เปิดให้บริการ 5 จีให้ได้ เนื่องจาก 5 จี จะช่วยปฏิรูปทุกส่วน โดยเฉพาะภาคการผลิต ทั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และระบบอัตโนมัติ (โรบอต) และเป็นจุดเปลี่ยน เพื่อประชาชนทั่วโลก
“การลงทุน 5 จี ต้องวางแผนให้ดี เพื่ออนาคตลูกหลานเหลนในอนาคต เป็นการเตรียมรองรับทัพนักลงทุนทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จะย้ายฐานการผลิตมาในอาเซียน ระยะแรกคาดว่าจะมีบริษัทกว่า 190 ราย ที่กำลังขยับขยายย้ายฐานการลงทุนมาอาเซียน หากไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ 5 จี ก็จะดึงดูดนักลงทุนได้ และลงทุนในวันนี้ เพื่อเศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างยั่งยืนในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่วนการประมูลคลื่นต้องประมูลพร้อมกันหลายคลื่น เพราะ 5 จี ต้องการคลื่นมาก เพื่อความเร็วและแรงในการเชื่อมต่อ ซึ่งไม่ใช่การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ แต่เป็นการเชื่อมต่อของภาคการผลิต บริการทั้งหมด”
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช.ได้กำหนดเป้าหมายการเปิดประมูล 5 จี โดยถือฤกษ์วันธงชัย วันที่ 16 ก.พ.2563 เป็นวันเคาะราคาประมูล กสทช.จะเร่งทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการนำหลักเกณฑ์การ ประมูลราคาคลื่นความถี่ จำนวนใบอนุญาต เงื่อนไขการชำระเงิน ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ก่อน
“การผลักดัน 5 จี หากทำให้สำเร็จโดยเร็ว ต้องขจัดปัญหา 4 ข้อ อาทิ คลื่นราคาแพง, กฎกติกาไม่เอื้ออำนวยให้เอกชนลงทุน, การใช้งาน 3 จี และ 4 จี ยังไม่เต็มประสิทธิภาพและการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ยังไม่ทำงานเชิงรุก ดังนั้น จะเสนอปัญหาดังกล่าว ให้คณะกรรมการขับเคลื่อน 5 จี แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับทราบ”
ทั้งนี้ หากการผลักดันให้เกิด 5 จี ในประเทศไทยได้สำเร็จ จะส่งผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยมหาศาล จากผลการศึกษาพบว่าระหว่างปี 2563-2573 จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจปีละ 5.68% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) แบ่งเป็นการใช้งานอินเตอร์เน็ต 1.45% การใช้งานระบบอัตโนมัติ 4.28% โดยมีการใช้งาน 5 จีในภาครัฐ การเกษตร สาธารณสุข และการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า เห็นด้วยกับ กสทช.เกี่ยวปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ 5 จี ไม่เกิด หากกสทช.นำปัญหาไปหารือกับคณะกรรมการ 5 จีแห่งชาติ เพื่อร่วมกันผลักกันให้ประเทศไทยเปิดให้บริการ 5 จี แบบวิธีใหม่ เพราะหากราคาคลื่นยังมูลค่าสูง และระยะเวลาการจ่ายเงินค่าคลื่นยังไม่ปรับเปลี่ยนอาจเป็นอุปสรรค เนื่องจากผู้ประกอบการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสิน เข้าร่วมประมูลและลงทุน จึงขอให้ภาครัฐ พิจารณาแบบบูรณาการ เพราะ 5 จี เป็นเรื่องของทุกภาคส่วน หากวิธีการยังเป็นแบบเดิมคือ 1.0 ประเทศไทยคงไปไม่ถึง 4.0
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 5 จี ภาครัฐ ต้องร่วมผลักดันกันอย่างจริงๆจังๆ เหมือนกับหลายประเทศ ที่รัฐบาล สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิด 5 จี ทั้งให้ใช้คลื่นฟรีลงทุนเพื่อให้บริการแล้ว คืนเงินให้กับรัฐการผลักดันให้ประเทศไทย เกิด 5 จี ได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกัน
นายสุพันธ์ มลคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมต้องเกาะติดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด เพื่อความอยู่รอด หากไม่ปรับก็ต้องปิดตัวไป เพราะเทคโนโลยีดิจิทัล มาเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของทุกคนมาก ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ก็จะกระทบการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างหนัก ทั้งการเดินทาง การใช้ชีวิต ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น หากมีการทดลอง 5 จี ขอให้นำไปทดสอบกับภาคอุตสาหกรรมด้วย อย่าทดสอบเฉพาะในมหาวิทยาลัย เพราะทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการเกิด 5 จี ในประเทศไทยเช่นเดียวกัน.