จ่อจับแฮกเกอร์ป่วน “ชิมช้อปใช้ 2” ขีดเส้น 1 สัปดาห์รวบตัว-พบหากินง่ายหักหัวคิว

“ชิมช้อปใช้ เฟส 2” เจอมือดีป่วน ส่งโรบอทยิงคำสั่งกั๊กไม่ให้ประชาชนเข้าระบบลงทะเบียนเขียนเว็บดึงพวกอยากได้สิทธิ์ทางลัด คิดเสียค่าหัวคิว โยนข้อมูลผู้สมัครเข้า www.ชิมช้อปใช้.com ครั้งละมากๆ กรุงไทยประสานดีอี ไล่ล่าผู้กระทำความผิด ปอท.ขีดเส้น 1 สัปดาห์ได้ตัวแน่ โทษสูงถึงปรับสูงสุด 1 แสนบาท หรือจำคุก 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนประชาชนผู้หลงผิด ยังมีสมัครใช้สิทธิ์ตามช่องทางปกติได้

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 25 ต.ค.62 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ ชิมช้อปใช้ ระยะที่ 2 หรือ เฟส 2 กระทรวงการคลังตรวจสอบพบการกระทำจากผู้ไม่หวังดีด้วยการก่อกวนระบบการลงทะเบียน โดยตรวจสอบพบการใช้หุ่นยนต์ หรือโรบอทในการยิงคำสั่งเข้าสู่ระบบการลงทะเบียนเป็นจำนวนมากถึง 1 ล้านครั้งต่อวินาที จากที่ระบบรองรับได้ 140,000 ครั้งต่อวินาที จึงทำให้ระบบการลงทะเบียนเกิดความหน่วงหรือช้ากว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้เร่งตรวจสอบ เพื่อแก้ไขและป้องกันการก่อกวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทำให้การลงทะเบียนช่วงเช้าเปิดให้ลงทะเบียนเวลา 06.00 น. ครบจำนวน 500,000 คน เมื่อเวลา 09.34 น. หรือใช้เวลาประมาณ 3.34 ชั่วโมง ถือว่าช้าเมื่อเทียบกับการลงทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา หมดภายในแค่ชั่วโมงกว่าๆทั้ง 2 รอบ

“ขณะนี้ฝ่ายเทคนิคทำลายโรบอทที่ยิงคำสั่งในระบบแล้ว 1 ตัว และอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีโรบอทตัวอื่นที่เข้ามาในลักษณะดังกล่าวอีกหรือไม่ โดยคลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้ามาป่วนระบบด้วยวัตถุประสงค์อะไร เบื้องต้นประเมินไว้ 2 แนวทาง คือทำลายความเชื่อถือของโครงการนี้ นอกจากนี้ ประเมินว่าอาจจะเป็นการรับจ้างลงทะเบียนแทนใครไหม เพราะโรบอทที่เข้าระบบได้นั้นใช้เวลานาน 10-20 นาที เพื่อกันไม่ให้คนอื่นมาเข้าระบบลงทะเบียน ส่วนกรณีแย่ที่สุดคือทำให้ล่าช้าในการลงทะเบียน”

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า สำหรับชิมช้อปใช้ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 “ชิมช้อปใช้เฟส 2” ติดเทรนทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง ขณะที่ด้านร้านค้าและผู้ประกอบการได้ให้กรมบัญชีกลางเตรียมจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมวันที่ 1 พ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี ได้เข้าร่วมหารือ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพัฒน์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ในกรณีที่ www.ชิมช้อปใช้.com ถูกโจมตี จนทำให้ระบบเกิดความล่าช้า

นายพุทธิพงษ์กล่าวภายหลังหารือว่า เว็บไซต์ชิมช้อปใช้ ได้มีประชาชนสนใจเข้าลงทะเบียนใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมากทำให้มีผู้ไม่หวังดี มีความรู้ในเรื่องดิจิทัลเป็นอย่างดี และรู้เรื่องเทคโนโลยีขั้นสูง ได้กระทำความผิดด้วยการ เปิดเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น www.ชิมช้อปใช้ควิก.com หรือ www.ชิมช้อปใช้.net  เพื่อเป็นทางลัดให้ผู้สนใจใช้สิทธิ์ชิมช้อปใช้สมัครผ่านเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นมา จากนั้นก็ส่งข้อมูลครั้งละมากๆ มายังเว็บไซต์ชิมช้อมใช้.com ที่ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ดูแลระบบทำให้ระบบเกิดความล่าช้า ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำความผิด ด้าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมสั่งให้นำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยได้มอบข้อมูลผู้กระทำความผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำผิดผ่านขบวนการออนไลน์ด้วยการใช้เว็บไซต์ และยังมีผู้กระทำผิดผ่านขบวนการออฟไลน์อีก 40-50 ราย ใช้วิธีรวบรวมบัตรประชาชน และใช้โทรศัพท์หลายๆเข้าเว็บไซต์ชิมช้อปใช้เพื่อใช้สิทธิ์พร้อมๆกัน โดยคิดค่าดำเนินการ เช่น เงินที่ได้รับ 1,000 บาท จะมีการหักค่าดำเนินการ 200 บาท หรือมีการคิดค่าตอบแทนในรูปแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่สมัครใช้สิทธิ์ชิมช้อปใช้ในรูปแบบที่ไม่ถูกต้องนั้น สามารถยืนขอใช้สิทธิ์ใน www.ชิมช้อปใช้.com ที่ถูกต้องได้ และไม่ถูกตัดสิทธิ์

นางสาวอัจฉรินทร์กล่าวอีกว่า ประชาชนผู้สนใจสมัครชิมช้อปใช้ ควรเข้าเว็บไซต์ที่ถูกต้อง เพราะข้อมูลส่วนตัวที่ให้ไปออนไลน์ และออฟไลน์ มีความเสี่ยงต่อการนำข้อมูลไปทุจริตในรูปแบบต่างๆ

นายผยงกล่าวว่า ประชาชนที่จะเข้าร่วมสิทธิในโครงการได้ จะต้องลงทะเบียนผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com เท่านั้น และยืนยันว่า ระบบของธนาคารวางกระบวนการอย่างรัดกุม และมีความปลอดภัยข้อมูล โดยธนาคารได้ใช้เทคโนโลยีทางด้าน ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ชั้นสูง ในการป้องกัน ตรวจเช็ค และเดลต้าอานาไลติกส์ เพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ และการเก็บข้อมูลการเข้าถึงระบบด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า กำลังรวบรวมหลักฐานคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ปี 60 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับสูงสุด 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.