Business on my way : มองเห็นโอกาส...เท่ากับเห็นความสำเร็จ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

Business on my way : มองเห็นโอกาส...เท่ากับเห็นความสำเร็จ

Date Time: 26 ต.ค. 2562 05:01 น.

Summary

  • ใกล้เข้าสู่ช่วงสิ้นปีแบบนี้...หลายคนยังอยากเร่งวันเร่งคืนให้ถึงเดือนธันวาคมเต็มที เพราะนั่นคือช่วงเวลาแห่งความสุข เวลาของการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

Latest

ธุรกิจที่ปรึกษาส่ิงแวดล้อมรายได้ฉ่ำ

ใกล้เข้าสู่ช่วงสิ้นปีแบบนี้...หลายคนยังอยากเร่งวันเร่งคืนให้ถึงเดือนธันวาคมเต็มที

เพราะนั่นคือช่วงเวลาแห่งความสุข เวลาของการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และที่ขาดไม่ได้คือ หลายคนคงวางแผนหยุดงานและไป “เดินทางท่องเที่ยว” ถือเป็นการชาร์จพลังงานเติมพลังให้ชีวิต

เกริ่นเปิดเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาขนาดนี้ Business On My Way สัปดาห์นี้ขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องท่องเที่ยว นั่นคือธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ของ บริษัทเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จํากัด (มหาชน) หรือ SHR บริษัทในเครือบริษัท สิงห์ เอสเตท จํากัด (มหาชน)

คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (ซีเอฟโอบริษัท) เล่าว่า จากการดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป้าหมายจากนี้คือการนำบริษัทก้าวสู่การเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” ผ่านกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเล็งเห็นว่าธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ธุรกิจอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และธุรกิจโรงแรม

“ธุรกิจโรงแรม ถือเป็นธุรกิจที่สามารถทำรายได้ต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถเปิดบริการได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี แม้ว่าการท่องเที่ยวจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลของแต่ละพื้นที่ แต่จาก กลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ ก็สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องได้ ด้วยการขยายการลงทุนในทำเลที่แตกต่างกัน เป็นการกระจายการสร้างรายได้ ลดความเสี่ยง”

ปัจจุบันบริษัท มีโรงแรมในความดูแลทั้งหมด 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ รวม 4,647 ห้อง ประกอบด้วย ประเทศไทย (สมุยและภูเก็ต) สาธารณรัฐฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งกลยุทธ์การขยายลงทุนในธุรกิจโรงแรม สามารถตอบโจทย์การสร้างรายได้ผ่านพอร์ตที่กระจายตัวมากขึ้น เพื่อขจัดแรงเหวี่ยงของฤดูกาล โดยฤดูกาลการท่องเที่ยว
ในไทยและมัลดีฟส์ จะอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ของปี (พ.ย.-มี.ค.) ขณะที่ฤดูกาลท่องเที่ยวในฟิจิและมอริเชียส อยู่ในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ของปี

คุณฐิติมา เล่าว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายการลงทุนธุรกิจโรงแรมต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับทำเลที่มีศักยภาพ และคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน โดยโครงการที่ลงทุนล่าสุดคือ โครงการครอสโรสด์ ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว 3 เกาะ จำนวน 50 ปี และสิทธิ์ต่อสัญญาอีก 49 ปี ปัจจุบันมีโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives รวมถึง The Marina ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาโรงแรมชั้นนำในโครงการนี้เพิ่มเติมอีก 1 แห่ง ในปี 2565

“เดิมทีมัลดีฟส์ เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่มุ่งเน้นภาพลักษณ์ของวิลล่ากลางทะเลระดับ 6 ดาว ซึ่งเหมาะสำหรับคู่ฮันนีมูน และด้วย ความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีราคาสูงมาก จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีการมาเที่ยวซ้ำ บริษัทจึงวางกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดย SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton ราคาเริ่มต้นที่ 350++ ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Hard Rock Hotel Maldives ราคาเริ่มต้นที่ 400++ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในระดับ 3.5-4 ดาว”

สำหรับในด้านการบริหารจัดการโรงแรมปัจจุบันบริษัทบริหารภายใต้ 8 แบรนด์ชั้นนำ แบ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง 3 แห่ง คือ Santiburi, Phi Phi Island Village และ SAii อีกทั้งแบรนด์ระดับโลก 5 แบรนด์ อย่าง Outrigger, Mercure, Holiday Inn, Hard Rock และ Curio collection by Hilton ผ่านโมเดลธุรกิจ 3 รูปแบบในการบริหาร คือ บริหารจัดการเอง, บริหารจัดการผ่านสัญญาแฟรนไชส์ และบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก ทั้งนี้ยังมีเครื่องมือสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่สามารถต่อยอดขยายธุรกิจในอนาคตได้คือโมเดลที่ 4 คือโรงแรมที่บริหารจัดการผ่านการจัดทำสัญญาบริหารจัดการโรงแรม ซึ่งนับเป็นการขยายกิจการแบบ Asset light strategy

และเมื่อถามถึงภาวะภาคการท่องเที่ยวในขณะนี้ คุณฐิติมา เล่าว่า การท่องเที่ยวยังเป็นภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจ โลกจะเป็นเช่นไร แม้ว่าบางช่วงจะทำให้การตัดสินใจใช้จ่ายช้าลงบ้าง แต่การท่องเที่ยวและการพักผ่อนเป็นกิจกรรมสร้างประสบการณ์ที่คนในปัจจุบันให้ความสำคัญและยังคงเป็นอุตสาหกรรมภาคการบริการที่ยังคงเติบโตทั้งในและต่างประเทศ

“นักท่องเที่ยวในเอเชียยังคงเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง โดยประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายหลักในการท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่ภูเก็ตและสมุย ซึ่งมีลักษณะทางธรรมชาติและเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย แม้เป็นช่วงนอกฤดูกาลก็ตาม โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของโรงแรมในเมืองไทย ยังคงเป็นชาวต่างชาติมากกว่าชาวไทย”

ท้ายที่สุดคุณฐิติมาเล่าว่า เร็วๆนี้มีแผนจะนำธุรกิจโรงแรม บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จํากัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย ก้าวสู่วิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้ลงทุนโรงแรมและบริหารรีสอร์ต ในแหล่ง ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งตั้งเป้าจำนวนโรงแรมและห้องพักของเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จะเติบโตกว่าเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้า โดยจะยังเน้นปักธงในประเทศไทย รวมทั้งประเทศในเอเชียแปซิฟิก และคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ