รองโฆษกกรมสรรพสามิต ยันเก็บภาษีความเค็มเฉพาะที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหารเท่านั้น ส่วนของร้านค้า ธุรกิจชุมชนที่ใช้ความเค็มถนอมอาหาร รวมทั้งร้านค้าข้าวแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ไม่เข้าข่าย
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2562 นายณัฐกร อุเทนสุต ผอ.สำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีความเค็มว่า ยืนยันการเก็บภาษีความเค็มจากโซเดียมจะเก็บเฉพาะที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหารเท่านั้น แต่ในส่วนของร้านค้า ธุรกิจชุมชนที่มีการใช้ความเค็มเพื่อการถนอมอาหาร เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาจ่อม กะปิ น้ำบูดู ตัวอย่างที่กล่าวมานี้ "ไม่เข้าข่าย" ที่จะต้องเสียภาษีความเค็ม รวมถึงสินค้ากลุ่มเครื่องปรุง เช่น น้ำปลา เกลือ ซีอิ๊วขาว และร้านค้าข้าวแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ก็จะไม่เสียภาษีด้วย
สำหรับอัตราการเก็บภาษีความเค็มจากโซเดียมที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหาร อยู่ระหว่างการพิจารณาปริมาณความเค็ม ว่าจะใช้มาตรฐานของหน่วยงานใดเป็นตัววัด เนื่องจาก องค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกาย คือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากเฉลี่ยต่อมื้อก็ไม่ควรเกิน 600 มิลลิกรัม แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขของไทย ได้ให้คำแนะนำปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกาย คือ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน เฉลี่ยต่อมื้อก็สูงขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนั้นจะต้องหาข้อสรุปดังกล่าวก่อน เพื่อมากำหนดอัตราภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคต่อมื้อที่เหมาะสมว่าควรเป็นเท่าไร.