ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กองทุนอนุรักษ์พลังงาน) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินกองทุนฯปีงบประมาณ 2563- 2567 จากเดิมวงเงินใช้จ่ายรวม 60,000 ล้านบาท เหลือเพียง 50,000 ล้านบาท หรือจะมีการใช้วงเงินเฉลี่ยลดลงเหลือปีละ 10,000 ล้านบาทจากเดิมปีละ 12,000 ล้านบาท พร้อมกับการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ เข้ามาช่วยงานกองทุนฯ โดยทั้งหมดจะเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบภายในเดือน ต.ค.นี้
ทั้งนี้ วงเงินใช้จ่ายในแต่ละปีที่ปรับลดลงมา เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้ประเมินว่า ระหว่างปี 2561-2563 รายได้จากการจัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้าสู่กองทุนอนุรักษ์พลังงานมีรายได้ลดลง หรือเฉลี่ยจัดเก็บได้เพียง 10 สตางค์ต่อลิตร จากก่อนหน้านี้จัดเก็บได้ 25 สตางค์ต่อลิตร และหากในอนาคตรายได้จากการจัดเก็บที่ลดลง อาจส่งผลให้สถานะเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานติดลบได้ จึงต้องลดวงเงินใช้จ่ายรายปีลง
ที่ประชุมได้มีการปรับสัดส่วนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงไป เช่น แนวโน้มแผนการผลิตพลังงานทดแทนที่มีสัดส่วนสูงกว่าแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทำให้ที่ประชุมปรับให้การใช้เงินในส่วนของแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากเดิมสัดส่วน 67% เหลือเพียง 50% และให้นำเงินไปเพิ่มเติมในแผนการผลิตพลังงานทดแทนเป็น 47% จากเดิม 30% เป็นต้น ขณะที่เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานอีกจำนวนหนึ่ง ก็จะถูกนำไปส่งเสริมให้กับโรงไฟฟ้าชุมชน.