“ศักดิ์สยาม” จี้คณะกรรมการฯแจงรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบ-เร่งเคลียร์ปมส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ย้ำตามหลักการไม่มีโครงการใดส่งมอบพื้นที่ 100% แถมกังขารถไฟเป็นเจ้าของโครงการแต่การเบิกจ่ายเงินกลับต้องรับผ่านจากอีอีซีเท่านั้น หวังสางปัญหาก่อนเดินหน้าลงนาม 15 ต.ค.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ได้มีการประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมถึงคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เพื่อติดตามความคืบหน้าและแก้ไขข้อปัญหาที่อาจทำให้โครงการล่าช้า โดยในที่ประชุมครั้งนั้นได้ให้มีการสรุปแยกหน้าที่ความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) ในการดำเนินการในโครงการว่าส่วนไหนใครเป็นผู้รับผิดชอบและส่วนไหนที่อยู่นอกเหนือกว่าข้อกำหนดใน RFP บ้าง เพื่อให้ตามงานได้ตามกรอบเวลา ซึ่งขณะนี้ได้ข้อสรุปเกือบครบทุกประเด็นแล้ว แต่ยังมีประเด็นที่ไม่เข้าใจกันคือเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ซึ่งส่วนนี้ต้องชี้แจงว่าตามหลักการทั่วไปจะไม่มีโครงการไหนที่มีการส่งมอบพื้นที่ได้ 100% และเอกสารยื่นข้อเสนอโครงการ (RFP) ก็กำหนดให้ส่งมอบจำนวนไม่น้อยกว่า 50% ของพื้นที่โครงการ
“เรื่องนี้อยากให้ไปดูให้ดี เพราะผมเป็นห่วงว่าจะกระทบภาพรวมโครงการอีอีซีและความเชื่อมั่นของประเทศในอนาคต และตามหลักทั่วไปผู้เปิดประมูล รฟท.จะต้องเป็นผู้กำหนดวันลงนามเอง ไม่ใช่ให้เอกชนเป็นผู้กำหนด ทั้งนี้การพิจารณาในประเด็นอะไรจะต้องยึดเอาตามกรอบของ RFP เป็นหลัก อย่าทำอะไรที่เกินขอบข่ายอำนาจเด็ดขาด”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า จากที่คณะทำงานได้พิจารณาและได้ข้อสรุปหน้าที่ความรับผิดชอบของ รฟท.และกลุ่มซีพีในภาพรวมแล้วพบว่าในส่วนที่เกินอำนาจขอบเขตของ RFP คือข้อ 5.1(1) คือเรื่องการเจรจาจัดหาและส่งมอบพื้นที่ของโครงการเกี่ยวกับรถไฟและพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการ เพราะแม้จะเจรจาแล้วเสร็จ แต่ยังเหลือเพียงประเด็นเดียวที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากทั้ง รฟท.และเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอยังคงมีความเห็นไม่ตรงกันในส่วนหน้าที่ โดยเฉพาะเรื่องการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายโครงสร้างโฮปเวลล์
ขณะที่ประเด็นการเจรจาแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายที่ได้ข้อสรุปแล้ว ประกอบไปด้วย การจัดหาและให้เงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ ซึ่งในส่วนนี้ทางกระทรวงคมนาคมเพิ่งมาพบว่าโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ รฟท.แต่ในทางปฏิบัติเมื่อมีการก่อสร้างเสร็จ และเบิกค่างาน ทางเอกชนจะไม่ขอรับการจ่ายเงินตรงจาก รฟท.แต่จะขอเบิกจ่ายเงินผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ สกพอ.เป็นผู้เบิกเงินงบประมาณแทน รฟท. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทาง รฟท. และ สกพอ. ได้ทำหนังสือขอความเห็นจากกรมบัญชีกลาง และทางกรมบัญชีกลางตอบกลับมาว่าสามารถทำได้
ส่วนการให้ความร่วมมือกับเอกชนคู่สัญญา ในการประสานงานหน่วยงานรัฐอื่นที่เกี่ยวข้องในการรื้อย้าย หรือปรับปรุง หรือก่อสร้างใหม่ของงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างในพื้นที่เขตทางรถไฟ ขณะนี้เจรจาในรายละเอียดเสร็จแล้ว และ รฟท.อยู่ระหว่างประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้นในส่วนของการให้สิทธิพัฒนาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ และให้สิทธิการให้บริการเดินรถ และบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของรถไฟความเร็วสูง รวมถึงการให้สิทธิการให้บริการเดินรถ และบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ นั้น ให้เป็นความรับผิดชอบของเอกชนคู่สัญญาต่อเมื่อเอกชนคู่สัญญาชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 ก.ย.) เวลาประมาณ 16.00 น. คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะมีการประชุมเพื่อสรุปรายละเอียดเอกสารแนบท้ายสัญญาที่ยังขัดกับ RFP โดยเฉพาะเรื่องความรับผิดชอบในการรื้อย้ายโครงสร้างโฮปเวลล์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ก่อนเดินหน้านัดวันลงนามสัญญาตามกรอบที่รัฐบาลกำหนดไว้ 15 ต.ค.นี้.