“กะเพราหมู” เมนูยอดฮิตสำหรับคนไทยที่คิดไม่ออกว่าจะรับประทานอะไร ซึ่งก็ต้องลงเอยกับเมนูนี้ทุกครั้ง เช่นเดียวกับอาหารพร้อมรับประทานในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ก็เป็นเมนูยอดขายอันดับหนึ่ง ขายได้ถึงวันละ 150,000 กล่อง ที่ผลิตโดยบริษัท ซีพีแรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซีพี ออลล์ ผู้บริหาร ร้านเซเว่น
สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง “ซีพีแรม” ได้พาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานที่จังหวัดลำพูน เป็นหนึ่งในเจ็ดโรงงานทั่วประเทศที่ผลิตอาหารป้อนร้านเซเว่น ลูกค้าทั่วไปและส่งออก โรงงานแห่งนี้ชูนวัตกรรมกระบวนการผลิตอาหารพร้อมรับประทานมาตรฐานโลก
รองรับการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มขึ้นในภาคเหนือ และช่วยเสริมสร้างศักยภาพการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจและการสร้างงาน สร้างรายได้ในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ยังได้เข้าใกล้แหล่งวัตถุดิบในท้องถิ่น และช่วยให้อาหารที่ผลิตออกจากโรงงานกระจายไปสู่ร้านค้าในเวลาสั้นลงจากเดิมต้องใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง ลดเหลือเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น พร้อมเยี่ยมชมโครงการเกษตรกรคู่ชีวิตในพื้นที่ภาคเหนือ (ลำพูน) นับเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพที่มีความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่เกษตรกร
นายสาธิต แสงเรืองอ่อน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รองสายงานยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า นับเป็นโครงการแรกของซีพีแรมที่ส่งเสริมการปลูกกะเพราให้เกษตรกรจังหวัดลำพูน โดยทางซีพีแรมพัฒนาต้นกล้ากะเพราขึ้นมา ซึ่งมีความหอมเป็นพิเศษและมอบให้เกษตรกรไปปลูก 5,200 ต้น พร้อมให้คำแนะนำ ถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริมการรับรองระบบมาตรฐาน Good Agricultural Practice (GAP) เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในการทำการเกษตรที่ดีและเหมาะสมโดยผลผลิตที่ได้นำมาป้อนให้โรงงานที่ลำพูน ทั้งนี้ ทางบริษัทจะมีโครงการส่งเสริมเกษตรกรในทุกๆโรงงานทั่วประเทศ
มีเกษตรกรต้นแบบจังหวัดลำพูน ชื่อคุณภานุวัฒน์ วิชัยรัตน์ เป็นเกษตรกรบ้านหนองปลาขอ หมู่ที่ 5 ตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นผู้ริเริ่มโครงการโดยใช้พื้นที่ “ป่าช้าเก่า” มาใช้ประโยชน์และพัฒนาศาลาสวดพระอภิธรรมสู่พื้นที่ตัดแต่งวัตถุดิบ ปัจจุบันสามารถรองรับการผลิตได้ถึง 50 กิโลกรัมต่อวัน นับเป็นการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรในชุมชน จำนวน 22 ราย เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรและจดทะเบียนเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกะเพรายั่งยืน” เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรทำให้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน
ทาง “ซีพีแรม” ได้จัดพิธีเปิดโครงการเกษตรกรคู่ชีวิต โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในลำพูนมาทำพิธีเปิดโครงการ
ปัจจุบันซีพีแรมมีโรงงาน 7 แห่งทั่วประเทศ ที่ลาดหลุมแก้ว, บ่อเงิน, ลาดกระบัง, ชลบุรี, ขอนแก่น, ลำพูน และสุราษฎร์ธานี โดยยุทธศาสตร์การลงทุนโรงงานแต่ละแห่งจะรองรับความต้องการของผู้บริโภคในระยะไม่เกิน 300 กิโลเมตร เพื่อความสะดวกในการจัดส่งอาหารพร้อมรับประทานถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็ว ผลิตอาหารประเภทชิล (แช่เย็น) ที่จำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่น อาหารแช่เย็นกล่องแดงซึ่งมีอายุ 3-5 วัน ในอนาคตจะทดแทนอาหารแช่แข็ง (โฟเซ่น) ซึ่งเก็บได้ถึง 1 ปีครึ่ง จากเดิมจะถูกส่งจากโรงงานที่ลาดหลุมแก้ว
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทเน้นการทำตลาดอาหารแช่เย็นมากกว่าอาหารแช่แข็งเพราะอาหารจะมีความสดใหม่และได้รสชาติกว่า แม้ว่าอาหารแช่แข็งซึ่งเป็นการถนอมอาหารที่สามารถควบคุมคุณค่าของอาหารได้ก็ตาม
ทางบริษัทจึงมองว่าอาหารประเภทชิลจึงเหมาะกับผู้บริโภคกับสังคมเมืองในปัจจุบันที่มีการขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เหมาะสมกว่าอาหารแช่แข็ง โดยอาหารแช่แข็งจะเหมาะสมกับการบริโภคในชนบทห่างไกลความเจริญเพราะเก็บได้ยาวนาน และเหมาะกับการเป็นอาหารสำรองมากกว่า
นายสาธิตกล่าวว่า โรงงานลำพูนลงทุนทั้งสิ้น 900 ล้านบาท บนเนื้อที่ 80 ไร่ มีกำลังการผลิตอาหารพร้อมรับประทานวันละ 120,000 ชิ้นต่อวัน ปัจจุบันผลิต 45% ของกำลังการผลิตผลิตเมนูข้าวและข้าวกล้องต่างๆ เท่านั้น รองรับกำลังการผลิตเต็มที่ได้ 4 ปี ป้อนให้ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในภาคเหนือ 13 จังหวัด หรือกว่า 1,040 สาขา เริ่มแรกผลิตอาหารพร้อมรับประทาน 4 กลุ่ม คือ เรดี้มิลคัพ, ไรซ์โปรดักส์, โอนิิกิริข้าวปั้นสามเหลี่ยมและซูชิ ซึ่งในอนาคตจะขยายผลิตเบเกอรี ขนมปัง และอื่นๆ
สำหรับโรงงานแห่งนี้วางแผนผลิตอาหารพื้นเมืองในอนาคตด้วย อาทิ แกงฮังเล, น้ำพริกหนุ่ม, น้ำพริกตาแดง เมนูเส้นต่างๆ เช่น ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยว และข้าวเหนียว เช่นเดียวกับโรงงานซีพีแรมในต่างจังหวัดภาคอื่นๆก็วางแผนผลิตอาหารท้องถิ่นเช่นเดียวกัน.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th