นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน ก.ย. 62 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง 21.70% มาอยู่ที่ระดับ 102.74 หลุดจากเกณฑ์ร้อนแรงมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
โดยปัจจัยมาจากสงครามการค้า และความกังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ชะลอตัว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนประเด็นบวกมาจากนักลงทุนคาดหวังนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ขณะเดียวกันต้องติดตามว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอียูที่มีแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงิน, มาตรการ QE ของประเทศต่างๆ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงแนวโน้ม Brexit ที่มีกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ต.ค.นี้
ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เดือน ก.ย.นี้ จะไม่เปลี่ยนแปลง น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อไป ส่วนเกณฑ์การเก็บภาษี 15% จากผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้สำหรับกองทุนรวม ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่าทั้งมูลค่าการออกตราสารและการซื้อขายลดลง โดยจากการสำรวจมูลค่าการออกตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นจากค่าเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ 4,533 ล้านบาทต่อวัน มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นจากค่าเฉลี่ยปีนี้ อยู่ที่ 1,544 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมูลค่าการออกและซื้อขายตราสารหนี้น้อยลง อาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการเก็บภาษีจะมีผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดมากน้อยเพียงใด โดยช่วงแรกอาจผลกระทบสั้นๆ ที่ทางกองทุนชะลอซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นเข้าพอร์ต และช่วงเก็บภาษีตราสารหนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องสงครามการค้า และลดดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบด้วย.