นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยตัวเลขการลงทุนของ กบข. ณ 31 ส.ค. 2562 ว่า กบข.บริหารเงินลงทุน (ส่วนของเงินกองสำรองรวมกับเงินกองสมาชิก) เป็นจำนวนเงินกว่า 950,000 ล้านบาท สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุน (ส่วนสมาชิก) ได้ 4.4% ซึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนดีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.4% ส่วนตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วให้ผลตอบแทนถึง 15.2%
โดยการลงทุนของ กบข. มีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายถึง 15 สินทรัพย์ และได้เฝ้าระวังติดตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างใกล้ชิด สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าความเสี่ยงขาลงหรือ Downside Risk ของตลาด น่าจะจำกัดบริเวณแนวรับอยู่ที่ 1,600-1,620 จุด หากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆที่มีความรุนแรงเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งการปรับลดคาดการณ์ กำไรของบริษัทจดทะเบียนและภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นได้ในระยะถัดไป
แต่มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางปี 2561 และมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 6.3% ตั้งแต่ต้นปี 2562 ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่สุดในภูมิภาค โดยเงินบาทไทยมีลักษณะการแข็งค่าคล้ายกับเงินเยนของญี่ปุ่น ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งหลบภัยเมื่อตลาดการเงินมีความผันผวน ทำให้มีเงินต่างชาติโยกเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และพันธบัตรทั้งระยะสั้นและระยะยาวสลับกันไป ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่ามากนั้นจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก
“กบข.ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ถึง 3% ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะเริ่มส่งผลดีในไตรมาส 3 นี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน”