บีทีเอสซื้อหุ้นอาร์เอส! จับมือพันธมิตรต่างขั้วเพิ่มพลังธุรกิจ

บีทีเอสทุ่มกว่า 1,050 ล้านบาท รุกเข้าถือหุ้นอาร์เอส 7% หวังลงทุนระยะยาว พร้อมเสริมศักยภาพและต่อยอดธุรกิจระหว่างกันบนแพลตฟอร์มและฐานลูกค้าของทั้ง 2 บริษัท ขณะที่ “เฮียฮ้อ” มั่นใจดันรายได้อาร์เอสแตะเป้าหมื่นล้านในปี 65 ชี้เป็นมิติใหม่ของการจับมือพันธมิตรต่างขั้ว เพื่อแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายการซื้อขายหุ้นรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) โดยเป็นการขายหุ้นของนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ “เฮียฮ้อ” ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) ขายหุ้น RS ให้กับกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว ในราคาเฉลี่ย 15 บาท คิดเป็นเงินรวมราว 1,050 ล้านบาท

ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุรชัยได้ออกข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่า ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญสำหรับอาร์เอสมาก ถือเป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจกว่า 35 ปี ด้วยการก้าวเข้าสู่ธุรกิจพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ ภายใต้ Business Model ใหม่ ด้วยการขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทางหรือ Multi-platform Commerce (MPC) จากธุรกิจดั้งเดิมคือค่ายเพลงสู่ธุรกิจมีเดียและต่อยอดแพลตฟอร์มหน้าจอช่อง 8 เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้า จนสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายสุรชัยกล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด จึงเปิดรับพันธมิตรใหม่มาช่วยขยายธุรกิจในแนวราบ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งศักยภาพบีทีเอส และของบริษัทในกลุ่มอย่าง บมจ.วีจีไอ โกลเบิลมีเดีย (VGI) ผู้นำ Offline-to-Online Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ จะเข้ามาเสริมศักยภาพธุรกิจของอาร์เอส เป็นการผสานจุดแข็งของ 2 บริษัทและเชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้านำไปสู่การขยายฐานรายได้ของอาร์เอสให้เติบโตสู่เป้าหมาย 10,000 ล้าน ในปี 65 ตามแผนที่ตั้งไว้ได้แน่นอน “การเข้าถือหุ้นของกลุ่มบีทีเอสครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของการจับมือพันธมิตรต่างขั้ว เพื่อแตกไลน์ต่อยอดสร้างโปรเจกต์ใหม่ ภายหลังการเข้าถือหุ้นของกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ปฯ จะไม่ส่งผลต่อการบริหารงาน รวมถึงโครงสร้างการถือหุ้นที่นายสุรชัย เชษฐ-โชติศักดิ์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เช่นเดิม”

ด้านนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นอาร์เอสครั้งนี้เป็นการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว โดยบีทีเอสมีแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจกับอาร์เอสได้อย่างดี ประกอบด้วยแพลตฟอร์มการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารถึงเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวันซึ่งจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเพิ่มเส้นทางให้บริการจาก 48.9 กม. ในปัจจุบันเป็น 133.4 กม. ภายในปี 64 และ VGI ซึ่งมี 3 แพลตฟอร์ม หลักคือ 1.ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีมูลค่าสื่อกว่า 12,000 ล้านบาท 2. ธุรกิจบริการชำระเงินผ่านแรบบิท กรุ๊ป มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคน 3. ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้กว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน ขณะที่อาร์เอสเข้าถึงลูกค้าได้กว่า 1.2 ล้านคน มียอดขายสินค้ากว่า 2,100 ล้านบาทต่อปี เชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเกื้อหนุนและต่อยอดธุรกิจระหว่างกลุ่มบีทีเอสและอาร์เอสให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของทั้ง 2 บริษัทด้วย

“ก่อนหน้านี้บีทีเอสถือหุ้น RS อยู่แล้ว 1-2% เราเป็นคนติดต่อไปหาเฮียฮ้อเอง เพราะเห็นว่าธุรกิจของทั้ง 2 จะสามารถต่อยอดเสริมศักยภาพกันได้ ซึ่งบีทีเอสมีช่องทางที่จะช่วยเขาขายของรวมทั้งทำโปรโมตสินค้าเพิ่มได้อีกหลายช่องทาง โดยเราจะเพิ่มลูกค้าให้อาร์เอส จากฐานลูกค้าของบีทีเอสและฐานสมาชิกแรบบิทไลน์การ์ด แรบบิทรีวอร์ด นอกจากนี้ ยังมีระบบการจ่ายเงินชำระค่าสินค้าผ่านแรบบิทไลน์เพย์ รวมทั้งการขนส่งสินค้าผ่านเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ที่วีจีไอถือหุ้นอยู่ด้วย โดยปัจจุบันอาร์เอสส่งสินค้าผ่านเคอรี่มากถึงวันละ 30,000 ชิ้น เรามองว่าอาร์เอสจะขยายตัวได้อีกมากจึงเข้าลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาว และทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะได้เพิ่มธุรกิจระหว่างกันด้วย” นายกวินกล่าว.