รอไปก่อนสลาก 12 นักษัตร กำลังศึกษาฟังความเห็นดูผลกระทบ กองสลาก ยังเดินหน้าแก้ลอตเตอรี่แพง หลังเปิดแอป พิสูจน์ตัวตนผู้ค้า ไม่ให้ขายเกินราคา หากประพฤติดีอาจได้โควตาเพิ่ม
พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยความคืบหน้าในการออกสลาก 12 นักษัตร ว่า อยู่ในขั้นตอนศึกษาตามที่ได้แถลงไปก่อนหน้านี้ และขณะนี้กำลังนำข้อคิดเห็นต่างๆ ที่สังคมเสนอไปทบทวน และดูถึงผลกระทบต่างๆให้ชัดเจน จึงจะดำเนินการต่อได้ เพราะตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ระบุว่า ถ้าสำนักงานสลากจะออกผลิตใหม่ จะต้องสอบถามความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและศึกษาผลกระทบก่อน
ส่วนการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคา หลังจากเพิ่มเพดานพิมพ์สลากเป็น 100 ล้านฉบับ มาแล้ว 2 งวด ในงวดวันที่ 1 ส.ค. 2562 มียอดการพิมพ์ 97 ล้านฉบับ และวันที่ 16 ส.ค. 2562 มียอดการพิมพ์สลากเต็มเพดาน 100 ล้านฉบับ แต่ปัจจุบันยังพบปัญหาสลากราคาแพงอยู่ โดยเฉพาะในงวดที่ผ่านมามีการขายสลากถึงราคา 200 บาท ซึ่งเป็นเลขดังที่ประชาชนสนใจ ดังนั้นในระหว่างผลิตภัณฑ์ใหม่ยังไม่ออกมา จึงได้เปิดให้ผู้ค้าสลากรวมถึงประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน GLo Lottery เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยจะสามารถตรวจผลรางวัล แจ้งข้อมูล และบันทึกผลสลากได้ และภายใน 3 เดือน จะมีการประเมิน ก่อนพิจารณาเพิ่มโควตาให้กับผู้จองซื้อสลากที่มีความประพฤติดี และขายสลากในราคาใบละ 80 บาท โดยอาจทำให้ผู้ค้าสลากจองซื้อสลากได้เพิ่มถึง 10 เล่ม จากเดิมได้โควตาเพียง 5 เล่มเท่านั้น
"1 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้เปิดให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้าสลากรายย่อย ที่มารับสลากทยอยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อพิสูจน์ตัวตนของผู้ขายว่ามีตัวตนอยู่จริง และประเมินได้ว่าผู้ค้าสลากขายเกินราคาหรือไม่ โดยขณะนี้มีสลากเพียงพอสำหรับผู้ค้าทุกคน ทำให้ไม่ต้องไปรอต่อแถว ใช้รองเท้าจองเพื่อจะซื้อสลากเหมือนอย่างที่ผ่านมา"
นอกจากนี้ ยังกระจายสลากไปยังผู้ค้ารายย่อย เพื่อแก้ปัญหาการขายเกินราคาจากการมีต้นทุนสลากที่สูง ซึ่งเดิมสำนักงานสลากเปิดให้ผู้ค้าสลากรายย่อยจองซื้อสลากผ่านระบบประมาณ 600,000 เล่มต่องวด และผ่านช่องทางการซื้อตรงกับกองสลาก ประมาณ 100,000 เล่มต่องวด แต่ปัจจุบันได้มีการปรับสัดส่วนการซื้อผ่านระบบการจองซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 620,000 เล่มต่องวด โดยหวังจะทำราคาสลากในตลาดอยู่ที่ 80 บาท ตามที่สำนักงานสลากได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั่วประเทศมีสัดส่วนตัวแทนขายทั้งหมด 30,000 ราย ขณะที่มีสัดส่วนผู้จองซื้อทั่วประเทศ ประมาณ 120,000 ราย