เทรนด์ของโลกในปัจจุบันที่เน้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากสภาวะโลกร้อน ทำให้มีผลกระทบกับมนุษย์โดยตรง และทำให้เกิดประเด็นที่ต้องมาระดมความคิดร่วมกันว่าระหว่าง พลังงานสะอาด หรือ พลังงานสีเขียว ที่ได้จากธรรมชาติกับ พลังงานจากฟอสซิล น้ำมัน และ ก๊าซ จะทดแทนกันได้อย่างไรและเป็นสัดส่วนแค่ไหน
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. เป็นหน่วยงานต้องรับผิดชอบกับ แผนพลังงานของประเทศ โดยตรง ประธานบอร์ด ปตท. ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย และ ชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.นำคณะผู้บริหารกลุ่ม ปตท.ทั้งหมดเดินทางไปดูงานพลังงานทดแทนที่ ฟินแลนด์ และ เดนมาร์ก เนื่องจากกลุ่มประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างและแผนการใช้พลังงานทดแทนที่ก้าวหน้าที่สุด
กระทรวงเศรษฐกิจของฟินแลนด์ มีหน้าที่วางรากฐานให้กับเศรษฐกิจของฟินแลนด์ทุกด้าน ทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีความสามารถในการแข่งขันมีจุดแข็งที่ คุณภาพของคน หรือ ทรัพยากร บุคคล ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ที่ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากฟินแลนด์มีพื้นที่ป่าไม้จำนวนมากได้ใช้พลังงานจากไม้คิดเป็นร้อยละ 27 ของเชื้อเพลิงทั้งหมดโดยในปี 2030 ตั้งเป้าที่จะลดการใช้ พลังงานจากฟอสซิล ลงอีกร้อยละ 50 และจะ ยกเลิกการใช้พลังงานจากถ่านหิน ทั้งหมด
นอกจากจะลดต้นทุนการผลิตแล้วยังจะเป็นการลดมลพิษตามเป้าหมายที่รัฐบาลฟินแลนด์ให้ความสำคัญสนับสนุนงานวิจัยทางด้านนี้ถึงปีละ 500 ล้านยูโรต่อปี บริษัทผลิตไฟฟ้า Fortum ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 และเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดกลุ่มประเทศนอร์ดิก โดยรัฐบาลฟินแลนด์ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 50.76 ส่วนใหญ่เชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตจะมาจากพลังน้ำและนิวเคลียร์ ซึ่งการผลิตไฟฟ้าสามารถลดมลพิษปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอียู
บริษัทชั้นนำด้านพลังงานสะอาดแห่งนี้กำหนดเป้าหมายเอาไว้ชัดเจน โดยมีการระบุในการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าว่า จะลดความเสี่ยงปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมและรัฐบาลฟินแลนด์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็น ประเทศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 0 ในปี 2035 รวมทั้งการจัดการขยะและรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพและเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เป็นประโยชน์กับสภาวะแวดล้อมของโลกมากขึ้น
เช่นเดียวกับ รัฐบาลเดนมาร์ก ที่มีนโยบายในการจัดการ โครงสร้างระบบราชการแบบองค์รวมโดยให้หน่วยงานสามารถเชื่อมโยงและจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเดนมาร์กผลิตไฟฟ้าจาก ลม คิดเป็นร้อยละ 43 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อพึ่งพาพลังงานในประเทศและลดการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง
บริษัท Orsted ของเดนมาร์กที่รัฐบาลถือหุ้นร้อยละ 50.1 เป็นบริษัทที่ผลิตไฟฟ้าจากลมที่ใหญ่ที่สุด เปลี่ยนแปลงธุรกิจ จากพลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานทดแทน ลดการใช้น้ำมันและก๊าซ โดยเฉพาะถ่านหินที่จะยกเลิกทั้งหมดในปี 2030 เช่นกัน
ทิศทางพลังงานของโลกที่เปลี่ยนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานจากธรรมชาติมาทดแทนพลังงานจากฟอสซิลเป็นบริบทใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าของเศรษฐกิจโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือในอนาคตอันใกล้นี้.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th