หากจะลองถามถึงสิ่งที่สำคัญกับชีวิตมนุษย์ แต่เรามักมองข้ามไป และไม่ให้ความใส่ใจมากนัก คำตอบที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ อาจจะเป็น “น้ำ” หรือ “อากาศ” แต่สำหรับ “คนไทย” ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้กัน แต่เรากลับหลงลืมเสียยิ่งกว่า เรียกได้ว่าหากไม่ถึงวันที่ขาดไปเราก็คงจะไม่คิดถึง ลองหลับตานึกสักสามวินาที แล้วเราก็จะพบคำตอบ สิ่งนั้นก็คือ “ข้าว” นั่นเอง
“ข้าว” คือ อาหารหลักของคนไทยมาช้านาน เราทุกคนต่างกินข้าวกันมาตั้งแต่เกิดจวบจนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม “ข้าว” นั้นไม่สามารถจะเติบโตงอกงามขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง แต่จำเป็นต้องได้รับการดูแลและทะนุถนอมอย่างเข้มงวดเพื่อผลผลิตที่ได้คุณภาพจากกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเรียกว่า “ชาวนา” ดังนั้นหากเราจะกล่าวว่า ชาวนาผู้ปลูกข้าว หรือเป็น “ผู้ที่ปลูกความเป็นไทย” นี่คือหนึ่งในกลุ่มบุคลากรที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศซึ่งควรจะได้รับการยกย่องและเชิดชูอย่างมากก็คงจะไม่ผิดนัก
ซึ่งในวันนี้ เราจึงพาทุกท่านไปร่วมเชิดชูชาวนาไทยด้วยกัน และไปทำความรู้จักกับสององค์กรที่มาจับมือกันเพื่อร่วมเป็นแรงผลักดันอาชีพชาวนาและพี่น้องเกษตรกรไทยให้เติบโตและรุดหน้าไปกว่าที่เคย ซึ่งสององค์กรดังกล่าวก็คือ “ซีพี ออลล์” ร่วมกับ “โรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ไร่เชิญตะวัน” ก่อตั้งโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธี กำลังเดินหน้าโครงการเสริมสร้างทักษะองค์ความรู้ให้กับชาวนาในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับอาชีพซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ
อาจจะต้องขอเกริ่นก่อนสักเล็กน้อยเพื่อพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับ “โรงเรียนชาวนาพุทธศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน” จ.เชียงราย หนึ่งในโรงเรียนที่น่าสนใจที่สุดของประเทศไทย เพราะนี่คือโรงเรียนที่ก่อตั้งโดย “พระ” และมีนักเรียนเป็น “ชาวนา”
เมื่อได้ยินว่าเป็นโรงเรียนชาวนา หลายท่านอาจคิดในใจว่า “ชาวนา” จำเป็นต้องมีโรงเรียนด้วยหรือ? สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจนั่นอาจเป็นเพราะถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตข้าวคุณภาพสูงได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งประชาชนชาวไทยยังรับประทานข้าวเป็นอาหารมื้อหลักกันอีกด้วย แต่เราก็คงต้องยอมรับกับข้อเท็จจริงที่น่าเจ็บปวดว่าชาวนาไทยนั้น ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่ถูกละเลยเสียเป็นส่วนใหญ่ เกษตรกรชาวนาไทยจำนวนมากถูกปล่อยให้ต้องต่อสู้กับปัญหารอบด้านเพียงลำพัง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธี ที่เรารู้จักกันดี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและเข้าไปช่วยเหลือตรงจุดนี้ จึงก่อตั้งเป็นโรงเรียนที่นำเอาศาสตร์แห่งพุทธศาสนามาใช้ในการช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้มีทั้งความรู้และคุณธรรมเพื่อนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองอย่างพอมีพอกินและต่อยอดได้ในอนาคต
จากจุดเริ่มต้นในการรับนักเรียนรุ่นที่ 1 ที่ในตอนนั้นแม้แต่หลักสูตรก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะด้วยแรงศรัทธาของท่าน ว.วชิรเมธี รวมถึงเหล่านักเรียนที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ณ ปัจจุบัน “โรงเรียนชาวนาพุทธศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน” ก็ได้ดำเนินมาถึงรุ่นที่ 7 เติบโตกลายเป็น “ศูนย์การเรียนรู้ตัวอย่าง” ที่ผลิตนักเรียนที่สามารถกลายเป็น “ครู” เพื่อนำความรู้ไปส่งต่ออย่างกว้างขวางให้พี่น้องชาวนาและเกษตรกร มีทั้งหน่วยงานในไทยและต่างชาติพากันมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ยังสามารถเข้าไปยังโรงเรียนแห่งนี้ได้เพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวนาที่แท้จริงภายใต้บรรยากาศอันสงบร่มเย็นแห่งร่มกาสาวพัสตร์
และด้วยปณิธานที่สอดคล้องกัน ทาง บมจ.ซีพี ออลล์ ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นองค์กรชั้นนำของไทยที่ให้ความสำคัญกับแนวคิด “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” เสมอมา ผ่านแนวทางหลากหลายทั้งการให้การศึกษาในรูปแบบทุนการศึกษา, ให้โอกาสในเส้นทางการทำงานด้วยการสร้างอาชีพให้ลูกจ้างมากกว่า 180,000 คน, ให้การสนับสนุน SME และเกษตรกรไทย ด้วยการนำผลิตภัณฑ์และผลผลิตมาวางขายในร้านค้าเซเว่น อีเลฟเว่นและการเข้าไปช่วยปรับปรุงพัฒนาธุรกิจ
ในครั้งนี้จึงเป็นก้าวที่สำคัญครั้งใหม่ของบริษัท ที่จะได้มีส่วนร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวนาซึ่งถือได้ว่าเป็นฐานรากที่สำคัญที่สุดของประเทศ เพื่อร่วมเชิดชู “ชาวนาผู้ปลูกข้าว ผู้ปลูกความเป็นไทย” อันเป็นกลไกในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับสังคมในทุกด้าน
“คุณธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของซีพี ออลล์ ได้มองว่าชาวนาเปรียบเสมือนฐานรากของพีระมิด แต่กลับไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเท่าที่ควร เราเลยคิดว่าถ้า CP All ลุกขึ้นมามีส่วนช่วยพวกเขาก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันเป็นอะไรที่คนอื่นยังไม่ทำอย่างจริงจัง” นายบัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ เล่าถึงที่มาที่ไปของแนวคิดสำคัญครั้งนี้
“การเข้ามาร่วมมือกับโรงเรียนชาวนาพุทธศาสตร์ ไร่เชิญตะวันในครั้งนี้ เราจะเข้าไปสนับสนุนทั้งด้านเงินสนับสนุนและองค์ความรู้ในด้านที่เรามี เช่นการให้ความรู้ในการขายข้าว การทำตลาด เรื่องของช่องทางออนไลน์ การทำให้ได้ผลผลิตที่ดี ให้ความสำคัญกับการทำเกษตรกรรมในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นในรูปแบบการนำวิทยากรเข้าไปให้ความรู้ รวมถึงทุนการศึกษาสำหรับลูกหลานชาวนา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเขา ตามปณิธานที่ ซีพี ออลล์ ยึดมั่นมาเสมอนั่นคือ ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”
ต้องเรียนตามตรงว่า ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นหนึ่งในคณะที่ได้เข้าไปเรียนรู้ ณ โรงเรียนชาวนาพุทธศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน ในวันที่มีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ ความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นมาทันทีคือความตื้นตันใจและมองเห็นเป็นภาพของความหวังที่น่าติดตามอย่างมากว่าในอนาคตไม่ไกลจากวันนี้ ชาวนาและเกษตรกรไทยซึ่งเป็นเสมือนฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งของชาติน่าจะได้ก้าวไปเป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการเชิดชู ควบคู่ไปกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สมกับหยาดเหงื่อแรงกายที่ทุ่มเทลงไปอย่างแท้จริงเสียที
และเหนือสิ่งอื่นใด ประสบการณ์ที่เราได้รับกลับมาจากไร่เชิญตะวันในครั้งนี้ยังทำให้ตระหนักได้อีกว่า ไม่เพียงแค่ ซีพี ออลล์ เท่านั้น แต่เราคนไทยทุกคนยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและเชิดชูชาวนาได้เช่นกัน ผ่านการให้เกียรติในอาชีพ การเห็นคุณค่าของข้าวทุกเมล็ด และร่วมกันสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากข้าวของชาวนาไทยที่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าล้วนเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งเกิดจากองค์ความรู้ และทัศนคติที่ดีมีคุณธรรม ตามหลักแนวคิดของ โรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ นั่นคือ “ความรับผิดชอบต่อสังคม เริ่มต้นจากข้าวเมล็ดเดียว”