เอกชนรายย่อยจัดเก็บเท่าเดิม
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างปรับปรุงอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์กับหน่วยงานผู้เช่าทั้งในส่วนรัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดมากขึ้น โดยในส่วนรัฐวิสาหกิจจะเริ่มจากผู้เช่ารายใหญ่ที่มีพื้นที่ราชพัสดุให้เช่าจำนวนมาก ได้แก่ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง มีจำนวนพื้นที่เช่ารวมกันประมาณ 70-80% ของที่ราชพัสดุที่จัดให้เช่าทั้งหมด
“ตอนนี้กรมธนารักษ์เริ่มไล่เจรจาปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุ เริ่มจากผู้เช่ารายใหญ่ๆก่อน ทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชน ค่าเช่าใหม่เป็นไปตามอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ หรือ ROA ซึ่งแต่ละแห่งจะคิดอัตราค่าเช่าไม่เท่ากัน แต่โดยรวมแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี”
ทั้งนี้ ผลของการปรับปรุงอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุของ กสท.และไปรษณีย์ไทย โดยในเบื้องต้นประเมินว่าจะทำให้รายได้ของกรมธนารักษ์ เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันเก็บค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ผู้เช่ารายอื่น อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้เจรจาปรับค่าเช่าบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้วิธีคิดตามผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และส่วนแบ่งรายได้ โดยอัตราค่าเช่าที่ดินอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี ส่วนสนามบินภูมิภาคอีกหลายแห่ง อาทิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ คาดว่าจะทำสัญญาได้เร็วๆนี้
สำหรับการปรับขึ้นค่าเช่าที่ราชพัสดุกับผู้เช่าเอกชนนั้น กรมธนารักษ์จะทยอยปรับตามอายุสัญญา ขณะที่ผู้เช่ารายใหม่ จะคิดในอัตราตามผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ หรือประมาณ 4% ต่อปี และขึ้นอยู่กับสภาพธุรกิจของแต่ละรายด้วย ส่วนผู้เช่าที่ราชพัสดุรายย่อยเพื่อทำเกษตรกรรมหรืออยู่อาศัยไม่มีนโยบายปรับขึ้นค่าเช่า เนื่องจากต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามการปรับค่าเช่าที่ราชพัสดุปีนี้กรมธนารักษ์จะมีรายได้ 10,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท.