นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเข้าเศษพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ปีละหลายแสนตัน แต่ตั้งแต่ต้นปี 60 มีการลดโควตาการนำเข้าเศษพลาสติกเหลือเพียง 70,000 ตัน และเริ่มมีแนวโน้มลดลงปี 62 เนื่องจากมีการควบคุมการนำเข้า เข้มงวดจากภาครัฐ แต่คาดว่าความต้องการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศยังมีอยู่ จึงอาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าได้ ดังนั้น กรมศุลฯจึงได้กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 3 ข้อ ได้แก่ 1.กรมศุลฯได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ต้องสงสัย ที่จะทำความผิดทางศุลกากร โดยจะให้หน่วย งานเข้าตรวจสอบทันทีหากพบสิ่งน่าสงสัย 2.สั่งการให้กองสำนักงานและด่านศุลกากรทุกแห่ง เข้มงวดในการตรวจสอบขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือของที่มีการสำแดงพิกัด หรือที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าหรือหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร 3.กรณีที่ตรวจพบการกระทำความผิดทางศุลกากรที่เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก กรมศุลฯจะส่งเรื่องให้มีการดำเนินคดีต่อไป โดยไม่มีการ เปรียบเทียบปรับเงิน แต่จะส่งตำรวจดำเนินคดีและส่งฟ้องอัยการ
ทั้งนี้ ช่วงปีงบประมาณ 61-62 กรมศุลฯจับกุมคดีลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกได้ทั้งสิ้น 103 คดี มูลค่า 17.5 ล้านบาท โดยปีงบฯ61 จับกุมได้ 86 คดี มูลค่า 14.5 ล้านบาท และปีงบฯ 62 (ต.ค.61-พ.ค.62) จับกุมได้ 17 คดี มูลค่า 3 ล้านบาท.