ททท.ปรับเป้ารายได้ปีนี้ลดลง 2 หมื่นล้าน ปี 63 ลุ้น 3.72 ล้านล้านบาท

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ททท.ปรับเป้ารายได้ปีนี้ลดลง 2 หมื่นล้าน ปี 63 ลุ้น 3.72 ล้านล้านบาท

Date Time: 2 ก.ค. 2562 09:10 น.

Summary

  • ททท.ปรับเป้ารายได้ท่องเที่ยวปีนี้ลง 2 หมื่นล้านบาท จาก 3.4 ล้านล้านบาท เหลือ 3.38 ล้านล้านบาท หลังสารพัดปัจจัยโหมกระหน่ำ ตั้งเป้าปีหน้าจะกลับไปขยายตัวที่ 10% อีกครั้ง เพื่อสร้างรายได้

Latest

“เจ้าสัวธนินท์” มองโลก มองธุรกิจ เชื่อมือ รัฐบาล ดันไทยเป็น “ฮับการเงิน” ปลุกผู้ค้าก้าวทัน AI-เทคฯ

ททท.ปรับเป้ารายได้ท่องเที่ยวปีนี้ลง 2 หมื่นล้านบาท จาก 3.4 ล้านล้านบาท เหลือ 3.38 ล้านล้านบาท หลังสารพัดปัจจัยโหมกระหน่ำ ตั้งเป้าปีหน้าจะกลับไปขยายตัวที่ 10% อีกครั้ง เพื่อสร้างรายได้ 3.72 ล้านล้านบาท ลุยไฟปรับโครงสร้างนักท่องเที่ยวระดับบนให้ได้ 20% ในปี 2564 ที่เป้าหมาย 4 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในงานมอบนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว ปี 2563 ให้แก่ผู้บริหาร ททท. ในการประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 2563 เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานในปี 2563 โดยมีคณะกรรมการ ผู้บริหาร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ในทุกภูมิภาคทั่วโลกเข้าร่วม ว่า จากปัจจัยต่างๆที่รุมเร้า ทำให้ ททท.ปรับลดเป้ารายได้ของการท่องเที่ยวในปีนี้ลง 20,000 ล้านบาท โดยจะมีรายได้ 3.38 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3.4 ล้านล้านบาท เท่ากับได้ปรับลดการขยายตัวจากปีที่ผ่านมาที่ 10% ลงมาที่ 9.5% หลังจากครึ่งปีแรกขยายตัว 7-8% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มี 38.3 ล้านคน ขณะที่จะมีคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 170 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มี 162 ล้านคน/ครั้ง

“ในปีหน้า ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 42 ล้านคน สร้างรายได้ 2.43 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 185 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 1.287 ล้านล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้น 3.72 ล้านล้านบาท จะเป็นการกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อัตรา 10% จากนั้นปี 2564 จะต้องผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 4 ล้านล้านบาท ให้เป็นไปตามตัวชี้วัดตามวิสัยทัศน์ที่อันดับประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก”

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในปีนี้เริ่มต้นไม่ดีนัก สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือน ก.ค.2561 ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และครึ่งแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญมรสุมจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาในสหภาพยุโรปและความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการถอนตัวของสหราชอาณาจักร (Brexit) ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เผชิญเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สูง

“สถานการณ์ที่ดีที่สุดหรือ Best scenario ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ททท.ต้องเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 9.5% โดยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.21 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวคนไทย 1.17 ล้านล้านบาท รวมรายได้ 3.38 ล้านล้านบาท”

สำหรับในปีงบประมาณ 2563 ททท.จะต้องรับมือกับความคาดหวังของสังคมที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวและ ททท. ที่ต้องสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความไม่สดใส เช่น Global Economic Perspectives ฉบับเดือน มิ.ย.2019 ของธนาคารโลก รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมที่แท้จริง หรือ Real GDP ของโลกจะติดลบในปีนี้และปีหน้า รวมทั้งด้วยข้อจำกัดของปัจจัยภายในประเทศ เช่น คุณภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว การขาดการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้น ททท.ต้องให้ความจริงจังกับการเปลี่ยนโครงสร้างของนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับบน (High-End) ที่มีรายได้มากกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐฯต่อปี โดยตั้งแต่ปี 2560 มีสัดส่วนเพียง 13% ของจำนวนนักท่องเที่ยว ให้เพิ่มขึ้นเป็น 20% ให้ได้ในปี 2564

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (บอร์ด ททท.) กล่าวว่า ภายใต้แผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดตัวชี้วัดสัดส่วน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ด้านการท่องเที่ยวต่อจีดีพีรวม ในปี 2561-2565 ไว้ที่ 22% และช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือปี 2576-2580 ต้องเพิ่มเป็น 30% ของจีดีพีรวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 19% ของจีดีพีรวม.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ