ยันไทยมีน้ำมันสำรอง 50 วัน รับวิกฤติ “อ่าวโอมาน”
ส่งต่องาน รมว.พลังงานใหม่ “ศิริ” ฝากกล่องดวงใจดูแล ปตท.-กฟผ. สานต่อ 5 แผนพลังงาน-โซลาร์ภาคประชาชน ระบุได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือกรณีวิกฤติน้ำมัน หากกรณียิงเรือน้ำมันในอ่าวโอมานลุกลาม บานปลาย ยันไม่ต้องกังวลไทยมีน้ำมันสำรองพอใช้ 50 วัน แอลพีจี 20 วันโดยไม่ต้องนำเข้า
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานเปิดเผยว่า ตนขอฝากงานให้ รมว.พลังงานคนใหม่ช่วยดูแลข้าราชการทุกกรมในสังกัดกระทรวงพลังงาน รวมถึงทีมบริหารและพนักงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้ดีที่สุด โดยทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้วางตัวทีมบริหารในแต่ละสายงานไว้เป็นอย่างดีแล้ว ตั้งแต่ระดับอธิบดีในแต่ละกรมลงไปสู่ระดับล่าง ทำให้การทำงานเป็นทีมเวิร์ก และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อแผนงานที่วางไว้
ขณะเดียวกัน ยังอยากเห็น รมว.พลังงานคนใหม่ มีการปรับแผนการดำเนินงานในระยะสั้นถึงระยะยาวให้สอดรับกับ 5 แผนพลังงานที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (พีดีพี 2018) ที่จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่อีก 4 แผนจะต้องทบทวนให้สอดรับกับแผนพีดีพีและสนับสนุนต่อแผนงานที่วางไว้ให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (GAS) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (OIL)
“ผมไม่ห่วง หาก รมว.พลังงานคนใหม่จะปรับแก้แผนพีดีพีก็สามารถทำได้ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนกำกับดูแลชัดเจน และการผลักดันแผนพีดีพี 2018 ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานก็ดำเนินการตามขั้นตอน จนสามารถผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ นอกจากนั้น ผมยังต้องการฝากให้มีการสานต่อโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่เปิดโอกาสให้ขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าระบบได้ในราคา 1.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งในอนาคตจะรับซื้อถึง 10,000 เมกะวัตต์ตามแผนพีดีพี และเป็นผลดีต่ออัตราค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศจะไม่แพงขึ้นในอนาคต”
นายศิริกล่าวต่อว่า วานนี้ (14 มิ.ย.) กระทรวงพลังงานได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งด่วนเพื่อรองรับกรณีวิกฤติน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในประเทศ ที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันแนฟทาและเรือบรรทุกเอทานอลในอ่าวโอมาน เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไทยมีการเตรียมความ พร้อมครั้งนี้อยู่ในระดับธงสีเหลือง คือ การพร้อมที่จะปฏิบัติจริง และหากเกิดวิกฤติรุนแรง เช่น การเผชิญหน้าระหว่างกองทัพสหรัฐฯกับกองทัพอิหร่าน กระทรวงพลังงานจะยกระดับเป็นธงสีแดง คือ นำแผนที่ซ้อมไว้ไปปฏิบัติจริงได้ในทันที
“ผมขอยืนยันว่าประเทศไทยมีความพร้อมรองรับวิกฤติน้ำมันได้ ภายในระยะเวลา 50 วัน โดยไม่ต้องนำเข้าเพิ่ม หากเกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำมันขึ้นมาจริงๆ ซึ่งมาจาก 3 ส่วน คือ 1.น้ำมันดิบสำรองที่มีอยู่ 2,958.06 ล้านลิตร ซึ่งเท่ากับสำรองไว้ใช้ได้ 24 วัน 2.น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างการขนส่ง 1,591.23 ล้านลิตร คิดเป็นสำรองใช้ 13 วัน และ 3.มีน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ 1,549.53 ล้านลิตร คิดเป็นสำรองได้ 13 วัน ซึ่งแบ่งเป็นน้ำมันเบนซิน 368.11 ล้านลิตร กลุ่มดีเซล 839.95 ล้านลิตร และน้ำมันอากาศยาน 341.47 ล้านลิตร แอลพีจีมีปริมาณสำรองพร้อมใช้งาน 117.89 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้สำหรับเฉพาะภาคครัวเรือน 20 วันอย่างแน่นอน”
นายศิริกล่าวต่อว่า สถานการณ์การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันตลาดโลกให้ปรับสูงขึ้น 2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62 เหรียญฯต่อบาร์เรล และทรงตัวอยู่ที่ 61.80 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยหากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเปลี่ยนแปลง 5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันในประเทศจะเปลี่ยนแปลง 1 บาทต่อลิตร จึงยังไม่กระทบกับราคาขายในประเทศ และหากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงพลังงานก็ยังมีเงินจากกองทุนน้ำมันสะสมอยู่ 40,000 ล้านบาทไว้ดูแลราคาไม่ให้ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปได้.