นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ปีหน้ากรมธนารักษ์เตรียมจัดเก็บค่าเช่าที่ดินจากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดที่เช่าที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 500,000 ไร่ ตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยขณะนี้กำลังดูโครงสร้างว่าจะจัดเก็บอย่างไร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจไม่เคยรับรู้ต้นทุนการเช่าที่ดิน และบางส่วนใช้ที่ดินฟรีมาโดยตลอด เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นต้น
“การจัดเก็บภาษีที่ดินจากรัฐวิสาหกิจที่เช่ากรมธนารักษ์ทั้งหมด อาจใช้วิธีการเฉลี่ยค่าจัดเก็บ (Sharing) เช่น รัฐวิสาหกิจอื่นที่มีรายได้จากแหล่งอื่นและไม่ได้เช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ทั้งหมด ต้องนำมาแยกโครงสร้าง และดูว่ารัฐวิสาหกิจอยู่ในการกำกับของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หรือไม่ จึงจะกำหนดค่าเช่าได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าถ้าสามารถจัดเก็บ ค่าเช่าจากรัฐวิสาหกิจได้ จะทำให้รายได้ของกรมธนารักษ์เพิ่มขึ้นถึง 15,000 ล้านบาทต่อปีจากเดิมมีรายได้อยู่ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้ สำหรับโครงการสร้างบ้านพักที่อยู่อาศัยที่กรมธนารักษ์ดำเนินการ มี 2 โครงการ ได้แก่ บ้านธนารักษ์ประชารัฐ และบ้านคนไทยประชารัฐ ซึ่งมีพื้นที่รวมกันประมาณ 4,000-5,000 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันบ้านคนไทย ที่จะสร้างบนที่ดินราชพัสดุใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ขอนแก่น อุดรธานี ลำปาง และนครพนม มีคนจองเต็มหมดเรียบร้อยแล้ว และล่าสุดอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งให้ธนาคารผู้ปล่อยเงินกู้ประเมินความสามารถในการผ่อนจ่ายของแต่ละบุคคล หากโครงการแรกเริ่มนิ่งจะขยายไปยังเฟส 2 ซึ่งขณะนี้เตรียมพื้นที่ไว้แล้ว 10 แห่ง
“สำหรับโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ บนที่ราชพัสดุ 6 แปลง ประกอบด้วย 1.ที่ดินบนถนนพหลโยธิน ตรงข้ามวัดไผ่ตัน 2.ที่ดินโรงกษาปณ์เก่า บริเวณถนนประดิพัทธ์ กรุงเทพฯ 3.ถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ 4.อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 5.จังหวัดเชียงรายมีทั้งหมด 2 แปลง ล่าสุด ที่ดินถนนพหลโยธินตรงวัดไผ่ตันผ่านการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ และอยู่ระหว่างการขออนุญาตก่อสร้าง”.