จ่อต้ังกองทุนพัฒนานวัตกรรม
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) นัดพิเศษ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ภาคเอกชนมารายงานความคืบหน้า โครงการรวมพลังประชารัฐ ว่า ได้ทำอะไรไปแล้ว และมีส่วนใดที่ต้องสานงานต่อไป ซึ่งก็ต้องการให้รัฐบาลพัฒนากำลังคน ให้สอดคล้องกับความต้องการกับการจ้างงาน ซึ่ง กรอ.จะได้มีการตั้งคณะทำงานชุดเล็กขึ้นมา เพื่อร่วมกันทำงานระหว่างรัฐกับเอกชนต่อไป ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เอกชนต้องการให้เดินหน้าต่อ ซึ่งยืนยันว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องเดินหน้าต่อไม่ต้องกังวล
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ทำสมุดปกขาว เพื่อรวบรวมข้อเสนอของภาคเอกชน ส่งให้รัฐบาลพิจารณา เช่นให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ด้านเงินทุน งานวิจัยและพัฒนาสินค้ารวมถึงด้านการศึกษา การอบรมและให้ความรู้ เพื่อพัฒนาแรงงานที่ตลาดต้องการแม้ว่าปัจจุบันกองทุนที่ให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีมีอยู่หลายกองทุน แต่ไม่มีการเบิกจ่ายเงิน หรือให้ความช่วยเหลือจริงจัง จึงเสนอขอจัดตั้งกองทุนกันเอง โดยขอรัฐบาลให้ภาคเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่าย มาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายจริง เบื้องต้นทุนกองทุนนี้มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท
“กองทุนพัฒนานวัตกรรม จะบริหารโดยเอกชน ที่จะมีการเชิญคนที่มีฝีมือ มาช่วยกันบริหารกองทุน ส่วนกรรมการกองทุน จะมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง 1 คน มาร่วมทำงาน เพื่อติดตามผลงานและรายงานให้รัฐบาลทราบว่า เม็ดเงินภาษีที่นำมาบริหาร มีการใช้จ่ายถูกต้องตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องของการค้าขายในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ได้ขอให้ส่งเสริมแนวทางการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (เมด อิน ไทยแลนด์)”
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้เสนอรัฐบาล ให้สนับสนุนการพัฒนาคน โดยต้องปลดล็อคด้านการศึกษา ด้วยการดึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก เข้ามาพัฒนาการศึกษาในประเทศ เช่น การเปิดเสรีให้กับบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมาเข้ามาพัฒนาการเรียนการสอน ฯลฯ