“พาณิชย์” จ่อเชือดโรงพยาบาลเอกชน หลังผู้บริโภคร้องผ่านสายด่วน 1569 คิดค่ารักษาอาการท้องเสีย และค่ายามหาโหด เตรียมเรียกมาชี้แจง หากแจงไม่ได้ เจอคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้มีผู้บริโภคได้ร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 ถึงกรณีการคิดค่ายาและค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน ที่มีราคาแพงเกินจริงรวม 2 กรณี คือ การร้องเรียนภายหลังการเข้ารับการรักษาอาการท้องเสีย แต่โรงพยาบาลกลับคิดคิดค่าใช้จ่ายรวม 30,000 บาท และการร้องเรียนเรื่องราคายาแพงเกินจริง ซึ่งกรมการค้าภายในอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่า โรงพยาบาลเอกชนรายนั้น คิดราคายาสูงเกินจริง และค้ากำไรเกินควร จะดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป
สำหรับการร้องเรียนกรณีการรักษาอาการท้องเสีย ในเบื้องต้นพบว่า โรงพยาบาลคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก และมีการรักษาเกินจริงในหลายรายการ ส่วนกรณียาแพง พบว่า มีการคิดราคาแพงกว่าราคาที่จำหน่ายในท้องตลาดจริง ซึ่งจะเชิญโรงพยาบาลเอกชนที่ถูกร้องเรียนมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป หากไม่สามารถชี้แจงได้ จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยกรณีค้ากำไรเกินควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างการเชิญโรงพยาบาลเอกชน 70 ราย จากทั้งหมด 353 ราย ที่กรมได้ขอข้อมูลราคาซื้อขาย และนำเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้ และพบว่า มีการคิดราคายากับผู้ป่วยสูงเกินจริง ตั้งแต่แพงไม่มากจนสูงถึงระดับ 300% , 500% , 800% และ 900% มาหารือ และจะขอให้ชี้แจงถึงสาเหตุการคิดราคายาแพงดังกล่าว หากชี้แจงไม่ได้ หรือชี้แจงไม่สมเหตุสมผล จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน
ส่วนการออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (ประกาศ กกร.) ที่กำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ต้องแจ้งราคาซื้อขายให้แก่กรมการค้าภายใน เพื่อนำราคาไปเผยแพร่บนเว็บไซต์นั้น กรมอยู่ระหว่างการเสนอให้น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธาน กกร. ลงนาม ก่อนนำลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ คาดว่าน่าจะลงนามได้ภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า กรมสนับสนุนและบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดต่อขอเข้าพบ น.ส.ชุติมา โดยจะนำอดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนมาด้วย 3-4 คน เพื่อมาหารือถึงมาตรการกำกับดูแล ยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ ที่กกร.จะออกประกาศเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นที่น่าจับตาว่า จะได้เข้าพบก่อนที่จะมีการลงนามออกประกาศ กกร. หรือหลังจากการลงนาม เพราะหากพบก่อน ก็มองได้ว่า อาจเป็นการเข้ามาล็อบบี้ เพื่อไม่ให้ กกร.ใช้มาตรการที่เข้มงวดกับโรงพยาบาลเอกชน แต่หากเป็นการพบหลังการออกประกาศไปแล้ว ก็จะไม่มีผลต่อการออกมาตรการภายใต้ประกาศของ กกร.