กกร.เร่งจัดทำสมุดปกขาวให้เสร็จ มิ.ย.นี้หวังยื่นรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.ค.ให้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด่วนรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความเสี่ยงจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐและจีน ผวาส่งออกไทยอาจโตหลุดต่ำกว่า 3% พร้อมเกาะติดภัยแล้งใกล้ชิด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้มีการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อจัดทำสมุดปกขาวเสนอต่อรัฐบาลใหม่ ประกอบการพิจารณา ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะจัดทำแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.และยื่นเสนอให้รัฐบาลได้ในเดือน ก.ค.นี้ โดยข้อเสนอหลักๆเบื้องต้นมี อาทิ ขอให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ทุกๆ 3 เดือน, การออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ, การเร่งยกระดับรายงานความยากง่ายในการประกอบธุรกิจเป็นต้น
“ขณะนี้ทั้ง 3 องค์กรต่างก็มีสมุดปกขาวที่จัดทำขึ้นเป็นของตัวเองอยู่แล้ว จึงจะนำมาประชุมโต๊ะกลมร่วมกัน เพื่อจัดทำให้เป็นรูปเล่มเดียวกันในนามสมุดปกขาว เพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ ที่จะมีแนวทางต่างๆที่จะเสนอโดยเฉพาะการขอให้มีการประชุม กรอ.เป็นให้เวทีสำคัญที่จะรวมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไว้ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพราะที่่ผ่านมาไม่มีการประชุม กรอ.มานานมากแล้ว โดยหากมี กรอ. ในนามของ กกร.ก็จะนำเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงที่ในระยะยาว กกร.ต้องการให้เป็นแบบลอยตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นแรงซื้อภายในประเทศ แต่ยืนยันว่าไม่สนับสนุนมาตรการประชานิยมในระยะยาว”
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง จากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะการส่งออก ยังคงถูกกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จึงทำให้ กกร.ยังคงกรอบประมาณการเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ไว้ตามเดิมโดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะขยายตัวประมาณ 3.7-4% การส่งออกขยายตัว 3-5% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.8-1.2% โดย กกร.ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งในเดือน ก.ค.นี้ โดยยอมรับว่า หากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ก็อาจจะกระทบการส่งออกให้หลุดเป้าหมายที่ลดต่ำลงกว่า 3% ได้ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆเพื่อรองรับและเพิ่มมาตรการต่าง
“มาตรการกระทรวงการคลัง ที่ออกมา เพื่อดูแลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวระหว่างรอยต่อรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ผมเห็นว่า ก็เพื่อประคองเศรษฐกิจในระยะสั้นๆ ซึ่งเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กกร.ก็ขอให้รัฐบาลใหม่ จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อมีรัฐบาลใหม่เชื่อว่าการลงทุนต่างๆก็จะทยอยเพิ่มขึ้น “
นายกลินทร์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.ต้องติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่คาดว่าจะเห็นผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเริ่มลดลงมาก ซึ่งขณะนี้เกษตรกรบางส่วนได้มีการปรับตัวบ้างแล้ว กกร. ก็ตระหนักหากผลกระทบรุนแรงอาจจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งเศรษฐกิจประเทศไทยยังโชคดีที่มีการท่องเที่ยว ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่เกิดขึ้นภาคเหนือที่ผ่านมา ก็ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว แต่ภาพรวมแล้วประเทศไทย ยังเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก.