"อาร์เอส" พร้อมเต็มสูบ มั่นใจแพลตฟอร์มใหม่ ตั้งเป้าหมื่นล้านใน 3 ปี

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"อาร์เอส" พร้อมเต็มสูบ มั่นใจแพลตฟอร์มใหม่ ตั้งเป้าหมื่นล้านใน 3 ปี

Date Time: 2 พ.ค. 2562 08:01 น.

Summary

  • “อาร์เอส” รุกธุรกิจพาณิชย์-ค้าปลีกเต็มสูบ ตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ลั่นปี 62 ลุยจับมือพันธมิตรขยายแพลตฟอร์มธุรกิจผ่านจอโทรทัศน์ทุกช่องของเมืองไทย

Latest

“เจ้าสัวธนินท์” มองโลก มองธุรกิจ เชื่อมือ รัฐบาล ดันไทยเป็น “ฮับการเงิน” ปลุกผู้ค้าก้าวทัน AI-เทคฯ

“อาร์เอส” รุกธุรกิจพาณิชย์-ค้าปลีกเต็มสูบ ตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ลั่นปี 62 ลุยจับมือพันธมิตรขยายแพลตฟอร์มธุรกิจผ่านจอโทรทัศน์ทุกช่องของเมืองไทย

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกในประเทศไทยของปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังพบว่าตลาดโฮมช็อปปิ้ง ที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดอยู่ 4-5 ราย โดยในส่วนของบริษัทมองการแข่งขันในตลาดนี้เป็นความท้าทาย ซึ่งก็นำข้อมูลผู้บริโภคที่บริษัทมีนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างสรรค์ โมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆในตลาด และสามารถสร้างการเติบโตได้ทั้งในแง่ยอดขายและกำไร

ในปีนี้บริษัทจึงเร่งเครื่องเต็มสูบในการรุกขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง หรือ MPC (Multi Platform Commerce) เพื่อช่วงชิงตลาด รวมถึง ตอบโจทย์พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในยุค 4.0 ที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือเทเลเซลส์มากขึ้น และรอรับสินค้าที่บ้านและหากพึงพอใจจึงค่อยชำระเงิน

“อาร์เอสเชื่อมั่นในกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจว่ามาถูกทางแล้ว จากปีแรกที่กระโดดเข้ามาทำธุรกิจ MPC สร้างยอดขายแตะหลักร้อยล้านบาท แต่เมื่อเข้าปีที่ 4 สามารถทำรายได้แตะ 2,000 ล้านบาทได้ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ 5 ของการทำธุรกิจ สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์ขยับสูงกว่ารายได้จากธุรกิจสื่อไปแล้ว โดยเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทถือว่าได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกอย่างสมบูรณ์แบบ และมีการย้ายหมวดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว จากแผนธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทต้องปรับรายได้ประมาณการรวมปี 2562 ใหม่เป็น 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% พร้อมคาดหวังว่ารายได้ของธุรกิจ MPC จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40% ในปีนี้”

นายสุรชัย กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนรายได้ธุรกิจ MPC ของบริษัทที่ทำสถิติสูงสุดจากการขยายแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้าเจาะเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด ปัจจุบันก็มีในส่วนของช่อง 8, call1781, ช่องไทยรัฐทีวี T Shopping 0-2117-3232, ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี เลข 141, ช่องเพลินทีวี และวิทยุ คูลฟาเรนไฮต์ ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่า 20 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ www.shop1781.com ,LINE@shop1781, LINE@COOLanything รวมถึงผ่าน LifestarBIZ หรือตัวแทนขายตรง และห้างค้าปลีก Modern Trade และร้านค้าปลีกทั่วประเทศด้วย

ทั้งนี้ การเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าและบริการถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาสินค้าใหม่และบริการกว่า 200 รายการ (SKU) โดยเน้น การบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลกำไร โดยที่ผ่านมาก็ได้จับมือกับหน่วยงานวิจัยชั้นนำ ระดับโลก รวมถึงจับมือกับคู่ค้าเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพส่งมอบให้ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม 80% ได้แก่ กลุ่ม สกินแคร์ภายใต้แบรนด์มาจีค, กลุ่มแฮร์แคร์ภายใต้แบรนด์รีไวฟ์ และกลุ่มอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ (S.O.M), กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ 15%

กลุ่มเครื่องประดับและความเชื่อ และอื่นๆ 5% นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มจำนวนทีมงานเทเลเซลส์มาให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง เป็น 1,000 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 500 คน

นายสุรชัย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังมีแผนมุ่งสร้าง และขยายทีมไลฟ์สตาร์บิส หรือตัวแทนขายตรงจากทั่วประเทศเพิ่ม พร้อมบริหารฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) ซึ่งจะเพิ่มเป็น 1.8 ล้านราย จากเดิม 1.2 ล้านราย ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะทำให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้แตะ 5,000 ล้านบาท นอกจากธุรกิจ MPC แล้ว ยังมีเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 7% ด้วย รวมถึงผลประกอบการของช่อง 8 ที่กลับมามีกำไร โดยบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีจากนี้

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินรายได้จากการร่วมธุรกิจกับไทยรัฐทีวี ในปีนี้จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่ 450 ล้านบาท สำหรับการขยายธุรกิจทางแนวตั้ง บริษัทก็มีแผนที่จะเป็นพาร์ตเนอร์กับผู้ผลิต Original Equipment Manufacturer (OEM) เพื่อรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด และ Original Brand Manufacturer (OBM) การผลิตแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3 ปีนี้

สำหรับในส่วนของสำนักงานใหม่ของบริษัทบนพื้นที่ 20 ไร่ ในย่านเกษตรนวมินทร์ บริษัทคาดจะย้ายในช่วงเดือน ต.ค.นี้ และมีแผนปรับนโยบายการทำงานในองค์กรใหม่ ปรับโลโก้ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการย้ายหมวดธุรกิจและการเติบโตของบริษัทในอนาคต.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ