“ทีวี ไดเร็ค” ฉลอง 20 ปี พลิกโฉมการทำธุรกิจครั้งใหญ่ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล เดินหน้ากลยุทธ์ Omni Channel เพื่อตอบสนองผู้บริโภควัยทำงานและวัยใกล้เกษียณที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ด้วยสโลแกนใหม่ “ชีวิตดีดี มีได้ทุกวัน” ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 4,600 ล้านบาท และอีก 3 ปี เพิ่มเป็น 8,000-9,000 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านการตลาด ที่ผสานช่องทางทั้งหมดของธุรกิจเข้าด้วยกัน (Omni Channel) เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 20 ปี บริษัทได้รีแบรนดิ้งปรับโมเดลธุรกิจและโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สามารถรับมือกับเทรนด์ธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล โดยทรานส์ฟอร์มองค์กรให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เติบโตได้ตามเป้าหมาย ภายใต้สโลแกนใหม่ “ชีวิตดีดี มีได้ทุกวัน”
ทั้งนี้ ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 4,600 ล้านบาท และภายใน 3 ปี จะเพิ่มเป็น 8,000-9,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันยอดขาย 80% มาจากทีวีช็อปปิ้ง คอลเซ็นเตอร์และรีเทลช็อป และอื่นๆ ส่วนอีก 20% จากการซื้อขายออนไลน์ แต่ภายใน 3-5 ปี ยอดขายออนไลน์จะเพิ่มเป็น 50% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าอยู่ในมือ 5.27 ล้านราย โดยจะใช้เทคโนโลยีและดาต้า เป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ
“บริษัทจะร่วมกับพันธมิตรไต้หวันเพื่อนำแอปช็อปปิ้งเข้ามาช่วยในการช็อปปิ้งให้คนไทย โดยสามารถใช้เสียงหรือรูปภาพเพื่อค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อได้ รวมทั้งการขายสินค้าข้ามชาติ เช่น ผู้บริโภคที่อยู่ในไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่ใช้แอปนี้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากไทยได้ เหมือนที่เราใช้แอปอาลีบาบาสั่งซื้อสินค้าจากจีน รวมทั้งยังขยายธุรกิจโลจิสติกส์ จากปีที่ผ่านมา ขนส่งสินค้าไปสู่ลูกค้า 4 ล้านเที่ยว ตั้งเป้าภายใน 2 ปี เพิ่มเป็น 10 ล้านเที่ยว”
นอกจากนี้ ก็จะขยายธุรกิจ broker platform จากปัจจุบันขายประกันภัยรถยนต์และประกันชีวิต โดยขยายสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้น เช่น กองทุนรวม การปล่อยสินเชื่อรายย่อย เป็นต้น โดยจะเป็นเหมือน financial และที่สำคัญบริษัทกำลังพัฒนา “แอปไลน์ฟู้ดออเดอร์” ให้กับบริษัทไลน์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นแอปที่ผู้บริโภคสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหารได้โดยตรง โดยโจทย์ที่ไลน์ให้มาคือ เราต้องคัดเลือกร้านอาหารอร่อยและได้มาตรฐานให้ได้ 60,000 ร้าน ภายใน 2 ปี เพื่อทำให้บริษัทมีรายได้เป็นส่วนแบ่งค่าบริการในรูปแบบ profit sharing กับไลน์
“ปัจจุบันปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.ประชากรที่มีแนวโน้มลดลง ส่งให้ทุกธุรกิจต้องเผชิญภาวะกำลังซื้อถดถอย 2.พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล โดยปัจจุบันคนไทยมี สมาร์ทโฟน 92.33 ล้านเครื่อง, มีค่าเฉลี่ยการใช้โทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในโลกอยู่ที่ 4.53 ชั่วโมงต่อคนต่อวัน (ค่าเฉลี่ยทั่วโลก 3.05 ชั่วโมง), คนไทยยังใช้โซเชียลมีเดียสูงอันดับต้นๆของโลก โดยเล่นไลน์ 52 ล้านบัญชี, เล่นเฟซบุ๊ก 49 ล้านบัญชี ฯลฯ ส่งผลให้ประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารทาง ออนไลน์สูงถึง 45% และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกัน คนไทย 69 ล้านคน เป็นกลุ่มที่มีอายุไม่เกิน 24 ปี ประมาณ 21.6 ล้านคน ส่วนวัยทำงานที่อายุ 25-54 ปี ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทมี 31.7 ล้านคน และกลุ่มอายุ 55-64 ปีขึ้นไป ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่ยังนิยมดูทีวีมี 15.7 ล้านคน ทำให้การใช้สื่อแบบแมสมีเดียยังคงเข้าถึงประชาชนได้เป็นจำนวนมาก
“บริษัทจึงได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่สู่ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน” โดยเน้นใช้กลยุทธ์ Omni Channel เพื่อเชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์และร้านค้าปลีก TVD Shop ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งตลาดทีวีช็อปปิ้งปีนี้จะแข่งขันสูงมาก จากปัจจุบันมีช่องทีวีช็อปปิ้ง 10 ราย และในปีนี้จะมีทีวีดิจิทัลมาทีวีช็อปปิ้งเพิ่มอีก 9 ราย รวม 19 ราย ซึ่งมูลค่าการช็อปปิ้งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ปีนี้จะขยับเป็น 20,000 ล้านบาท แต่ถือว่าต่ำมากเพียง 0.5% เมื่อเทียบกับมูลค่าค้าปลีกที่ 2 ล้านล้านบาท แต่ภายใน 5 ปี ผู้บริโภคจะย้ายตัวเองไปสู่การช็อปออนไลน์มากขึ้น บริษัท จึงมั่นใจว่าเดินมาถูกทางที่สามารถรองรับลูกค้าทุกคนได้ทุกช่องทาง”.