สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ฟ้องศาลปกครอง ให้คุ้มครองชั่วคราวคำสั่ง "กกร." ควบคุมยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ อ้างทำธุรกิจเสียหาย ด้าน "ปลัดพาณิชย์" พร้อมเดินหน้า สู้ไม่ถอย...
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประมาณต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอให้คุ้มครองชั่วคราวคำสั่งคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่ได้นำสินค้ายาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 62 โดยสมาคมฯ อ้างว่า ก่อนที่ กกร.จะนำยาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เข้าสู่บัญชีสินค้าและบริการควบคุมนั้น สมาคมฯ ไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นใดๆ และคำสั่งดังกล่าวบังคับใช้เฉพาะกับโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงโรงพยาบาลของรัฐด้วย จึงส่งผลเสียหายต่อโรงพยาบาลเอกชน และขอให้ศาลคุ้มครองคำสั่งชั่วคราว เพื่อให้การออกประกาศของ กกร.หยุดการบังคับใช้
อย่างไรก็ตาม การนำยา เวชภัณฑ์ และบริการทางแพทย์ เป็นสินค้าและบริการควบคุมนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดมาตรการใดๆ ออกมาควบคุม เป็นเพียงแค่การจับตาเพื่อเฝ้าระวังเท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการกำกับดูแลยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ ซึ่งมีตนเป็นประธานในวันที่ 29 เม.ย.นี้ หลังจากได้สั่งการให้คณะทำงานพิจารณาโครงสร้างต้นทุนราคายา ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน ศึกษาโครงสร้างต้นทุนราคายาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ซึ่งขณะนี้คณะทำงานได้ข้อมูลราคาซื้อ-ขาย ราคานำเข้า จากโรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต-ผู้นำเข้า และร้านจำหน่ายยารายใหญ่ครบถ้วนแล้ว และอยู่ระหว่างการสรุปข้อมูลมาเสนอคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลต่อไป
ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ศาลปกครองได้แจ้งกรมมาแล้ว เพื่อให้ทำหนังสือชี้แจงภายใน 15 ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ก่อนที่ กกร.จะอนุมัติให้เป็นสินค้าและบริการควบคุม และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบนั้น ได้ขอความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งโรงพยาบาลเอกชน, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข, สมาคมประกันชีวิต-ประกันวินาศภัย มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเอกชน จะอ้างว่าไม่มีส่วนแสดงความเห็นได้อย่างไร
นอกจากนี้ในประกาศของ กกร.จะครอบคลุมกับยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลทุกแห่ง ไม่ได้บังคับใช้เฉพาะกับโรงพยาบาลเอกชนตามที่สมาคมฯ เข้าใจ แต่การที่กรมขอข้อมูลราคาซื้อ-ขาย ราคานำเข้าจากโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น เป็นเพราะกรมไม่มีข้อมูลของโรงพยาบาลเอกชน แต่ข้อมูลของโรงพยาบาลรัฐ กรมได้ขอจากกรมบัญชีกลางแล้ว.