ประธาน บอร์ด รฟท.สั่งตั้งทีมทำงานสางปัญหาค่าโง่ โฮปเวลล์ ปัดตอบต้องจ่าย 25,000 ล้านบาทหรือไม่ พร้อมสั่งฝ่ายบริหาร รวบรวมข้อมูลย้อนหลังโครงการ 26 ปี...
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.62 นายกุลิศ สมบัติศิริ ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) (บอร์ด รฟท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด รฟท. ว่า บอร์ด รฟท.ได้พิจารณาเรื่องคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับคดีโฮปเวลล์ โดย รฟท. ได้มีการรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นระหว่างปี 34 -7 ต.ค. 40 ให้บอร์ดรับทราบ จากนั้นที่ประชุมบอร์ดจึงมีมติให้ รฟท. แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำงานร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงคมนาคม ในการหาแนวทางปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ดีที่สุดและรัฐเสียประโยชน์น้อยที่สุด
นอกจากนี้ บอร์ด รฟท.ขอให้ฝ่ายบริหาร หาข้อมูลเกี่ยวกับคดีโฮปเวลล์ให้มากที่สุด เพื่อใช้รองรับการพิจารณา เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 26 ปีแล้ว
ทั้งนี้คณะทำงานจะตั้งขึ้นมาเพื่อดูแนวทางปฏิบัติและข้อกฎหมายต่างๆ ภายหลังศาลปกครองสูงสุด คำพิพากษา ให้ภาครัฐ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ชดเชยค่าบอกเลิกสัญญาโครงการโฮปเวลล์ 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีภายใน 180 วัน
นายกุลิศ กล่าวว่า แม้ปัญหาโครงการโฮปเวลล์ จะเป็นประเด็นที่บอร์ด รฟท. ชุดปัจจุบัน ไม่เคยทราบมาก่อน แต่ก็พร้อมจะเดินหน้าสางปัญหา และดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครอง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของภาครัฐ เป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้มีการตั้งทีมทำงานขึ้นหนึ่งชุด เพื่อดำเนินการ ตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนดมาภายใน 180 วัน โดยทีมงานจะประกอบด้วย บอร์ด รฟท. ,นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่า รฟท. ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด,สำนักงบประมาณ,กรมบัญชีกลาง เข้าร่วม รวมทั้งได้สั่งการให้มีการรวบรวมข้อมูลของโครงการย้อนหลัง 26 ปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการทำงานของคณะทำงานชุดนี้ด้วย
ส่วนตัวเลขที่ต้องจ่ายเงินชดเชยตามคำพิพากษาของศาล จะเป็น 25,000 ล้านบาท หรือไม่นั้น จะไม่ขอพูดถึงตัวเลขเงินชดเชยในขณะนี้ เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบในรายละเอียด หากมีการพูดไป และปรากฏว่าเป็นตัวเลขที่มากหรือน้อยเกินไปก็จะเกิดความเสียหายขึ้นได้
ส่วนการเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโครงการในขณะนั้น อาจมีการเอาผิดย้อนหลัง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากบางคนเข้ามาในช่วงที่โครงการจบแล้ว นอกจากนี้นายกุลิศ ยอมรับเลยว่าปัญหาค่าโง่ โฮปเวลล์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อแผนฟื้นฟูกิจการ ของ รฟท.แน่นอน ดังนั้นหลังจากนี้จะต้องไปดูว่าจะมีการปรับแผนฟื้นฟูกิจการอย่างไร
ด้านนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่า รฟท. กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องมีการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้ง รฟท. อัยการ และกระทรวงคมนาคม และในวันจันทร์ที่จะถึงนี้จะมีการรายงานมติบอร์ดที่ได้ข้อสรุปในวันนี้ให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คมนาคมรับทราบด้านแนวทางจ่ายค่าชดเชยก็เป็นไปได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายด้วยเงินสดหรือให้สิทธิ์โฮปเวลล์เข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟฯ โดยต้องรอให้คณะทำงานสรุปแนวทางก่อน จึงจะไปเจรจาหรือประนอมหนี้กับบริษัท โฮปเวลล์ต่อไป.