“คลัง” จ่อชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม. 30 เม.ย.นี้ แจกเพิ่ม 22,000 ล้านบาท ช่วย 3 กลุ่มผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ผู้ปกครองซื้อชุดนักเรียน-อุปกรณ์-หนังสือเรียน 500 บาทต่อบุตร 1 คน-ให้เงินเกษตรกรซื้อปุ๋ย 1,000 บาท-เพิ่มเงินช่วยคนพิการ 300 บาทต่อเดือน พร้อมแจกเงินคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปเที่ยวเมืองรองคนละ 1,500 บาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้นั้น ส่งสัญญาณชะลอตัวลง ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงจะเร่งสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีทั้งหมด 4-5 โครงการให้เสร็จสิ้นเพื่อเสนอคณะรัฐมนตี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไตรมาส 2 ให้ดีขึ้นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลังว่า สำหรับมาตรการที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ประกอบด้วย การเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนให้กับ 3 กลุ่ม โดยจะใช้เงินประมาณทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท กลุ่มที่ 1 คือ ผู้ปกครองที่มีลูกหลานกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาลงไป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 4 ล้านคน โดยจะได้รับเงินคนละ 500 บาทต่อบุตร 1 คน ถ้ามีบุตร 3 คน จะได้รับเงินรวม 1,500 บาท โดยอิงข้อมูลบุตรกำลังศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้นำเงินไปซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน และชุดกีฬา กลุ่มที่ 2.สำหรับเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการและขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ จะได้รับเงินคนละ 1,000 บาทในครั้งเดียว เพื่อนำไปซื้อปุ๋ยไว้ใช้ในการทำการเกษตร และกลุ่ม 3. คนพิการที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการไว้ประมาณ 100,000 กว่าคน จะได้รับเงินเพิ่มเติมพิเศษอีกเดือนละ 200-300 บาท เริ่มจากเดือน พ.ค.-ก.ย. 2562 จากเดิมที่รัฐจ่ายเงินผ่านบัตรช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆ เดือนละ 600-800 บาท
ขณะที่มาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทย มี 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ยิ่งเที่ยว ยิ่งเท่ ช่วยเปย์ เมืองรอง” โดยจะแจกเงินให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป คนละ 1,500 บาท งบประมาณทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจจะต้องมาลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ภายใน 10 ล้านคนแรกเท่านั้น และจะต้องระบุว่าจะไปเที่ยวจังหวัดเมืองรอง โดยไม่สามารถเลือกจังหวัดที่ตนเองอยู่อาศัยได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะได้รับเงินต้องนำบัตรเดบิตไปดำเนินการเปิดสิทธิของบัตร (Activate) กับเมืองรองทั้ง 55 จังหวัด ที่ได้ลงทะเบียนไว้ในระบบออนไลน์ เพื่อยืนยันตัวตน โดยจะต้องแตะบัตรกับเครื่องรูดบัตร (อีดีซี) ติดตั้งในร้านธงฟ้าของรัฐบาล ทั้งนี้ หลังจากยืนยันตัวตนแล้ว ธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินเข้าบัญชีและสามารถกดเป็นเงินสดเพื่อใช้จ่าย หรือนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าและบริการยังเมืองรองดังกล่าว โดยเงินที่ได้จะต้องนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า และบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ส่วนอีกโครงการคือ การขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง ที่สิ้นสุดไปเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา โดยครั้งนี้จะขยายให้ผู้ที่ไปท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรองตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ นำค่าใช้จ่ายค่าที่พัก และการเดินทางตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน มาลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นผู้ซื้อมากกว่าผู้ประกอบการ โดยจะเป็นลักษณะการลดหย่อนภาษี ไม่ใช่มาตรการภาษีเพื่อช่วยผู้ประกอบการ และมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหนังสือ โดยทำตลอดทั้งปีไม่จำกัดเฉพาะช่วงเวลา
ส่วนด้านการลงทุนจะมีมาตรการให้สามารถหักค่าใช้จ่ายร้านค้าที่ลงทุนติดตั้งเครื่องพีโอเอส (POS) หรือเครื่องเก็บเงิน โดยสามารถหักรายจ่ายได้ 1.5-2 เท่า โดยมาตรการนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ร้านค้าต่างๆ การเข้าสู่ระบบอีเพย์เมนต์ นอกจากนี้ ยังมี แนวทางการส่งเสริมแรงงานในอนาคตสำหรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะให้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้สิทธิประโยชน์พิเศษกับนักศึกษาเรียน นักศึกษาต้องการเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้อง.