ลุ้นฉี่ราด 29 มี.ค. นักลงทุนยักษ์ใหญ่ ยื่นซองประมูลแหลมฉบัง เฟส 3

ลุ้นฉี่ราด!!! ประมูลแหลมฉบัง 3 การท่าเรือ มั่นใจ 2 กลุ่มนักลงทุนยักษ์ใหญ่ ยื่นซองแน่ 29 มี.ค.นี้ คาดนักลงทุนไทย-จีน จับกลุ่มกันแน่นปึ้ก ย้ำจำเป็นต้องเกิด เพราะไม่เกิน 5 ปี จะแออัดเกินขีดความสามารถรับได้...

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ขั้นที่ 3 ท่าเรือ F วงเงินลงทุนกว่า 84,000 ล้านบาท ว่า หลังจากที่กทท.ได้ปรับลดเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์) ลงมาแล้วทำให้มีเอกชนให้ความสนใจเข้ามาซื้อซองทีโออาร์ จำนวน 35 ราย แบ่งเป็นรายเดิม 26 ราย และรายใหม่ 9 ราย โดยมีกำหนดเปิดให้เอกชนเข้ามายื่นซองในวันที่ 29 มี.ค. นี้ ระหว่างเวลา 09.00 น-12.00 น. ซึ่งเมื่อหมดเวลา จะเปิดซองที่ 1 ทันที หากผู้ยื่นซองมีคุณสมบัติครบตามที่กำหนดจะเปิดซองที่ 2 ภายในวันเดียวกัน จากนั้นจะทยอยเปิดซองที่ 3-5 ในวันที่ 1 , 5 และ 10 มี.ค.และจะพิจารณาให้ผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดเป็นผู้ชนะ ซึ่งจะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล ในวันที่ 11 เม.ย. ก่อนจะเสนอคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาพตะวันออก(อีอีซี )เพื่อนำเสนอครม.ต่อไป

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า ในการยื่นซองครั้งนี้จะมีกลุ่มนักลงทุนยักษ์ใหญ่ที่มีศักยภาพหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารท่าเรือขนาดใหญ่ระดับโลกจะรวมกลุ่มกันมายื่นซอง ไม่ต่ำกว่า 2 กลุ่ม เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง และต้องมีความแข็งแกร่งเฉพาะด้าน เช่น ด้านการเงิน ด้านการก่อสร้าง เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่มีบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่จะสามารถทำงานโดยลำพังได้

พร้อมยืนยันว่าโครงการแหลมฉบังเฟส 3 จำเป็นต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ในปี 66 เพราะตัวเลขล่าสุดปี 61 แหลมฉบังเฟส 1และเฟส 2 รองรับตู้สินค้าได้ประมาณ 8 ล้านทีอียู ขณะที่ความสามารถในการรองรับตู้สินค้าทั้งหมดได้ประมาณ 11 ล้านทีอียู และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ3-4% หรือประมาณ 400,000 ตู้ ดังนั้นอีกไม่เกิน 5 ปี จะเกินความสามารถที่รองรับได้และจะเกิดปัญหาความแออัดทันที ทั้งนี้โครงการพัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 จะเพิ่มขนาดท่าเรือให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับเรือที่มีขนาด 20,000 ทีอียูได้จากเดิมที่แหลมฉบังเฟส 2 รองรับเรือขนาด 18,000 ทีอียู ถือว่าเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น และผลักดันให้แหลมฉบัง ขยับอันดับท่าเรือระดับโลกที่ปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 20 ให้ดีขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กลุ่มนักลงทุนที่จะรวมตัวกันมายื่นซองคาดว่าจะเป็นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ของไทยที่จะร่วมมือกับนักลงทุนจากจีน และกลุ่มนักลงทุนจากประเทศยุโรป ขณะที่บริษัท ฮัทจิสัน พอร์ท ผู้ลงทุนและพัฒนาด้านท่าเรือรายใหญ่ของโลก ซึ่งมาซื้อซองด้วย อาจจะถอนตัวไม่เข้าร่วมยื่นซอง เนื่องจากต้องการพัฒนาท่าเรือ D ซีรี่ย์ ที่มีอยู่ในแหลมฉบังให้แล้วเสร็จสิ้นก่อน.