"พาณิชย์" เผยผู้ประกอบการปุ๋ย ลดราคากระสอบละ 30-50 บาท พร้อมลดราคาแม่ปุ๋ยให้สหกรณ์การเกษตรผลิตปุ๋ยถูก ขายให้เกษตรกร มีผลจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้ ลั่นหากต้นทุนไม่เปลี่ยนแปลง ขอลดต่อถึงเดือน ส.ค....
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประสานขอความร่วมมือผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ ลดราคาจำหน่ายปุ๋ยสำเร็จรูปให้กับเกษตรกร ตามนโยบายที่ได้รับจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผลสำเร็จแล้ว โดยผู้ประกอบการได้ลดราคาลงกระสอบละ 30-50 บาท เริ่มมีผลแล้วจนถึงเดือน พ.ค.62 หากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบไม่เปลี่ยนแปลง กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ขยายระยะเวลาลดราคาออกไปอีก ซึ่งอาจขยายเวลาไปจนถึงเดือน มิ.ย.-ส.ค.62 เพราะเป็นช่วงที่เกษตรกรกำลังจะเริ่มทำนา
สำหรับปุ๋ยเคมีสำเร็จรูป (กระสอบละ 50 กก.) ที่มีการปรับลดในครั้งนี้ ได้แก่ ปุ๋ยที่ใช้ในนาข้าว คือ ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ปรับลดราคากระสอบ (50 กิโลกรัม) ละ 30 บาท, สูตร 16-20-0 และสูตร 16-8-8 ลดราคากระสอบละ 40 บาท และสูตร 16-16-8 ลดราคากระสอบละ 50 บาท รวมถึงปุ๋ยเคมีที่ใช้ในพืชชนิดอื่นๆ เช่น สูตร 15-15-15 ลดราคากระสอบละ 30 บาท นอกจากนี้ สมาคมธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพไทย ได้ลดราคาปุ๋ยอินทรีย์ให้กระสอบละ 50 บาท โดยราคาจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ (ราคารวมค่าขนส่งทั่วประเทศ) อยู่ที่กระสอบละ 250 บาท โดยจะนำมาลดราคารวมทั้งสิ้น มี 150,000 ตัน
ขณะที่การจัดหาแม่ปุ๋ยเคมีราคาถูกนั้น มีผู้ประกอบการจำนวน 6 ราย ยินดีให้ความร่วมมือจำหน่ายแม่ปุ๋ยเคมีราคาถูก เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำปุ๋ยสั่งตัดให้กับกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งในเบื้องต้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการจัดให้สหกรณ์การเกษตร 47 แห่งพบกับผู้ประกอบการโดยตรง และสหกรณ์การเกษตรสนใจในการซื้อขายตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือไว้กับผู้ประกอบการ
ส่วนการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มสดตกต่ำ กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังจะมีมาตรการเพิ่มเติม โดยจะออกประกาศกำหนดให้โรงสกัดต้องผลิตน้ำมันปาล์มให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 18% ซึ่งจะช่วยให้โรงสกัดต้องรับซื้อผลปาล์มสดที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรต้องตัดปาล์มสุกไปขาย ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าการขายปาล์มอ่อนที่ไม่ได้คุณภาพ
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้โรงสกัดที่ขายน้ำมันปาล์มดิบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำไปผลิตไฟฟ้ารวม 160,000 ตัน ต้องส่งมอบหลักฐานการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรภายใน 60 วัน หรือ 75 วัน เพื่อเป็นการเร่งให้โรงสกัดต้องรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกร ซึ่งจะมีผลทำให้สามารถดึงผลผลิตออกจากตลาด ส่วนมาตรการอื่นๆ จะเร่งการนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตเป็นไบโอดีเซล บี 20, กระตุ้นให้มีการใช้ด้วยการลดราคา 5 บาทต่อลิตรจนถึงเดือน พ.ค.62, เพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันบี 20 และกระตุ้นให้ใช้น้ำมันบี 100 กับเครื่องจักรกลการเกษตร ขณะที่รัฐบาลได้ลดภาษีสรรพสามิตรถกระบะที่ผลิตใหม่ เพื่อจูงใจให้ผลิตรถที่ใช้น้ำมันบี 20 เพิ่มขึ้น.