“เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย...เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส...เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย...ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน” ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ปรัชญาของ “ขงเบ้ง” ก็ยังคงแหลมคมเสมอ และเป็นแรงใจสำคัญในการมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จอย่างไม่ย่อท้อของใครหลายคน รวมถึงหญิงแกร่งแห่งวงการโรงแรม “วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน” ผู้ปลุกปั้น “เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท” ที่สร้างฐานะจากศูนย์จนผงาดเป็นเศรษฐีพันล้านได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะไม่ยอมก้มหน้ารับชะตากรรม
“วรรณเกิดและโตในย่านถนนตก คุณแม่เป็นช่างตัดเสื้อผ้าหาเลี้ยงลูกๆทั้ง 4 คน ครอบครัวเราฐานะไม่ค่อยดี วรรณจึงขวนขวายขยันเรียนมาก โดยสอบได้ทุนเรียนฟรีมาตลอดชีวิต หลังเรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม วรรณได้ทุนของสโมสรโรตารีสากล ไปเรียนต่ออนุปริญญา ด้านการโรงแรม ที่มหาวิทยาลัยเซาท์ เดวอน คอลเลจ ประเทศอังกฤษ แต่ถึงจะเรียนจบการโรงแรมมาโดยตรง แต่วรรณไม่เคยกล้าฝันอยากมีโรงแรมเป็นของตัวเอง หลังกลับมาเมืองไทยได้แต่งงานมีครอบครัว ความฝันของวรรณก็ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นเพราะเราต้องช่วยสามีทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและเลี้ยงลูก ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น”...คุณวรรณเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะเป็นเจ้าแม่ทับแขก
จากอาซ้อรับเหมาก่อสร้าง จู่ๆทำไมกล้าลุกขึ้นมาสร้าง โรงแรมเป็นความบังเอิญที่วรรณกับอดีตสามีไปตระเวนดูที่ดินแถวกระบี่ และได้เจอกับที่ดินผืนหนึ่ง ซึ่งคือที่ตั้งของโรงแรม “เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท” ในปัจจุบัน จำได้ว่าวรรณอยู่บนถนนที่มีแต่ต้นไม้เป็นป่ารกมาก เห็นหมู่เกาะอยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถลงไปที่หาด ตอนนั้นวรรณกับอดีตสามีมีเงินอยู่ไม่กี่ล้าน แต่ฝันว่าอยากทำโรงแรมเป็นของตัวเอง และหลงรักที่ดินผืนนี้ตั้งแต่แรกเห็น จึงตัดสินใจกู้แบงก์มาซื้อที่ดินคิดว่าเราทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารราชการ ก็น่าจะทำโรงแรมได้แถมสามีมีเพื่อนเป็นสถาปนิกใหญ่จึงชวนมาออกแบบโรงแรมบนพื้นที่ 6 ไร่
บอกตามตรงว่าไม่ฝันมาก คิดว่าฉันทำโรงแรมได้ค่าห้องคืนละ 3,000 บาท แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว แต่พอออกแบบก่อสร้างเสร็จวรรณแทบจะเป็นลม เพราะงบบานปลายถึง 150 ล้านบาท ไม่ใช่โรงแรมราคาหลักพันแล้ว แต่เป็นโรงแรมหรูขนาด 42 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 13,000 บาท
วรรณขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อมาสร้างโรงแรม ผสมกับการกู้แบงก์ด้วย โรงแรมสร้างเสร็จในปี 2546 พอปี 2547 วรรณก็เลิกกับสามี พร้อมๆกับที่สึนามิถล่มภาคใต้
ก็เพราะทุ่มเทกับการสร้างโรงแรม เราสองคนจึงมีความเครียดสะสมสูง ทะเลาะกันบ่อยจนวรรณต้องเป็นคนขอเลิกกับสามี ทั้งๆที่แต่งงานอยู่กินกันมา 13 ปี และมีลูกด้วยกัน 2 คน วรรณบอกสามีว่าถึงจะไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ทรัพย์สินทุกอย่างที่หามาด้วยกันฉันยกให้คุณหมด ยกเว้นอย่างเดียวคือโรงแรมแห่งนี้ วรรณขอเป็นคนบริหารเองทั้งหมด ตอนนั้นถือหุ้นกันคนละ 50% หลังจากวรรณบริหารโรงแรมมาได้ 5-6 ปี กิจการกำลังไปได้ดี จู่ๆอดีตสามีก็อยากขายโรงแรมในราคา 400 ล้านบาท เพื่อแบ่งเงินคนละครึ่ง ตอนนั้นวรรณคิดอย่างเดียวว่าฉันไม่ยอมขายให้ใครเด็ดขาด เลยบอกไปว่าถ้าจะขายจริงๆวรรณจะซื้อเอง แต่ขอเวลาหาเงิน
เขาประกาศว่าถ้าวรรณจะซื้อโรงแรมต้องเอาเงินสดมากองตรงหน้า 200 ล้านบาท!! ตอนเป็นสามีภรรยากันซื้อทรัพย์สินอะไรก็ใส่ชื่อเขาหมด แต่สำหรับโรงแรมนี้ วรรณยอมไม่ได้!! ยิ่งเขารู้ว่าเราอยากได้โรงแรม เขายิ่งแกล้งทุกทาง วรรณใช้เวลา 3 เดือน ตระเวนคุยกับแบงก์เพื่อหาเงินกู้ 200 ล้านบาท เบิกเป็นเงินสดมากองตรงหน้าเลย เชื่อไหมวันที่นัดรับเงินเขาเอารถตู้มาขนเงินสดทั้งหมดบอกว่าจะไปใส่ตุ่มฝังดินไม่เข้าธนาคาร ระหว่างวิ่งหาเงินวรรณต้องเก็บเป็นความลับ กลัวเขาจะตุกติกไม่โอนหุ้นให้ เพราะวรรณเป็นแค่ผู้ถือหุ้น แต่สามีเก่าเป็นกรรมการบริษัทคนเดียว มีอะไรต้องให้เขาเซ็นชื่อหมด แม้แต่ลูกๆวรรณก็ส่งเสียเลี้ยงดูเองหมด เขาได้เงินไป 200 ล้านบาท จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 50,000 บาท ถึงแค่บรรลุนิติภาวะ
ชีวิตวรรณไม่มีคำว่าสบาย ต้องเหนื่อยต้องสู้ต้องลุยงานหนักมาตลอด พระเจ้าสร้างให้เราเป็นผู้หญิงแกร่งผู้หญิงทำงานหนัก หลังเลิกกับสามีและได้โรงแรมคืนมาทั้งหมด วรรณก็ตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อสร้างพูลวิลล่าขนาดใหญ่อีก 17 หลัง รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้นคืนละ 20,000-35,000 บาท หลังจากทำโรงแรมมาได้ 8 ปีวรรณค้นพบว่าในกระบี่ไม่ค่อยมีโรงแรมติดหาดที่มีที่พักแบบพูลวิลล่า ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ ปรากฏว่าเปิดพูลวิลล่าปั๊บ เมื่อปี 2557 ก็เจอเหตุวุ่นวายการเมืองนักท่องเที่ยวหายหมด หนักกว่าตอนเกิดสึนามิ ที่ทับแขกไม่เป็นอะไร เพราะมีหมู่เกาะ 13 เกาะบังไว้หมด
(พยักหน้า) หลังเลิกกับสามีวรรณมืดแปดด้านไปหมด นอกจากจะติดหนี้แบงก์ 200 ล้านบาท วรรณยังต้องกู้แบงก์เพิ่ม 150 ล้านบาทเพื่อมาสร้างพูลวิลล่า เท่ากับแบกหนี้ไว้ 350 ล้านบาท เครียดจนกินอะไรไม่ลง สิ่งเดียวที่นึกออกคือ ทำยังไงก็ได้ให้พูลวิลล่าคืนทุนเร็วที่สุดวรรณเคยตระเวนหาซินแสเจ้าดังๆมาดูฮวงจุ้ยโรงแรม เสียเงินเสียทองเยอะ ส่วนใหญ่ก็พูดว่าฮวงจุ้ยดี แล้วไงล่ะ ไม่เห็นว่าธุรกิจจะดีขึ้นเลยแต่พอได้เจอกับซินแสหมื่นล้าน “อาจารย์หม่า” ชีวิตวรรณพลิกไปเลยเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อกลางปี 2557 วรรณเชิญ “อาจารย์หม่า” มาดูฮวงจุ้ยที่โรงแรม จำได้ว่าอาจารย์ส่งทีมงานมาเป็น 10 คน เดินวัดโน่นวัดนี่ใหญ่ ผ่านไปหลายชั่วโมงอาจารย์ถึงปรากฏตัว คำแรกท่านถามว่า อยากรู้อะไร เราก็ตอบซื่อๆว่า ดิฉันเป็นหนี้ 350 ล้านบาท ไม่ทราบว่าจะรอดไหม อาจารย์ตอบว่า รอด เพราะทับแขกมีน้ำดี น้ำบริสุทธิ์ไหลออกจากภูเขา อาจารย์อธิบายว่า น้ำในฮวงจุ้ยคือเงินทอง และน้ำของทับแขกอยู่ตำแหน่งถูกต้อง เมื่อเปิดดวงดูยิ่งมั่นใจว่าวรรณจะรอด เพราะลูกสาวทั้งสองอุปถัมภ์เรามาก อาจารย์ยังขอไปดูฮวงจุ้ยที่บ้านในกรุงเทพฯ เพราะพลังแท้จริงอยู่ที่บ้าน วรรณแก้ฮวงจุ้ยคอนโดฯตามคำแนะนำของอาจารย์ ธุรกิจดีขึ้นจริงๆ จากนั้นอาจารย์แนะนำให้ไปเรียนฮวงจุ้ย เพราะคนรู้ฮวงจุ้ยจะฉลาดขึ้น แก้ไขอุปสรรคได้ดีขึ้น ตรงนี้เปิดโอกาสให้วรรณได้ไปทำงานด้านการก่อสร้างให้วัดไทย-พุทธคยา ที่อินเดีย ทำมาได้ 4 ปีแล้ว ถือเป็นบุญจริงๆ
จากรายได้ปีละ 100 ล้านบาท วรรณมีรายได้เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท คนจองห้องพักเต็มตลอด โดยแขก 80% เป็นคนยุโรป เมื่อธุรกิจดีวรรณก็ไปซื้อที่ดินเพิ่ม 3 ไร่ สร้างหอพักพนักงานไป 1 ไร่ ที่ดินเหลืออีก 2 ไร่ เอามาปลูกผักออร์แกนิกและเลี้ยงไก่ เพื่อปรุงอาหารเลี้ยงแขกทั้งโรงแรม
วรรณเป็นคนไม่ท้อ คิดแต่ว่าทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เวลาไหว้พระจะขอให้ลูกมีดวงตาเห็นธรรม ขอให้ลูกมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา มีเงินทำบุญอย่างไม่ขัดสน วรรณเป็นคนมองโลกในแง่ดี คิดตลอดว่าทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ หลังเปิดโรงแรมไป 7-8 ปี เจอแขกอเมริกันบอกว่ามาเที่ยว “เดอะ ทับแขก” เพราะอ่านเจอโรงแรมของเราในหนังสือแนะนำ 1,000 สถานที่ต้องไปเยือนก่อนตาย โอ้โหดีใจมาก!! ด้วยความที่วรรณกับแฟนชาวสวิสเป็นคนรักสุขภาพและชอบออกกำลังกาย จึงฝันอยากสร้างโรงแรมแนวใหม่ชื่อว่า “คีรินธารา สปอร์ต แอนด์ เวลเนส โฮเต็ล” มี 146 ห้อง โดยวรรณซื้อที่ดินไว้ 20 ไร่ ใกล้ๆกับหาดทับแขก ลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปีที่แล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า
“มาถึงวันนี้ ชีวิตไม่กลัวอะไรแล้ว กลัวอย่างเดียวคือทำไม่ดี วรรณเป็นคนกำลังใจเข้มแข็งมาก เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยท้อ จะบอกตัวเองเสมอว่าพรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดี ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้”.
ทีมข่าวหน้าสตรี