ในยุคปัจจุบันที่เพียบพร้อมไปด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีถูกพัฒนาต่อยอดโดยฝีมือมนุษย์เพื่ออำนวยความสะดวกกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ดูเหมือนว่ากระแสความรับผิดชอบต่อสังคมกลายเป็นเส้นทางคู่ขนานที่ไม่ค่อยจะได้เห็นว่ามีการจับมือเชื่อมโยงเพื่อร่วมกันสร้างจิตสำนึกกันสักเท่าใดนัก
องค์กร MeshMind เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร เป็นส่วนหนึ่งของ ArtScience Museum หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะวิทยาศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์ ได้จัดโปรแกรมการรณรงค์ดังกล่าวกับงาน MeshMinds 2.0 ArtxTechforGood กับเป้าหมายเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการส่งเสริมดังกล่าวมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
มีศิลปินชาวสิงคโปร์หลายคนรวมทั้งผู้อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีมาแสดงผลงานหลากหลาย ผ่านเทคโนโลยีต่างๆ Augment Reality (AR), Virtaul Reality (VR), การพิมพ์ 3 มิติ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Internet of Thing (IoT) รวมกว่า 20 โครงการที่นำศิลปะและเทคโนโลยีมาผสมผสานกัน ซึ่งจัดขึ้นจนถึงวันที่ 17 มี.ค.นี้
แนวคิดการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) นำเสนอชุมชนและเมืองให้น่าอยู่ การบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบถูกสะท้อนแนวคิดออกมาให้เห็น อาทิ ผลงานของ “อังเดร วี” ในงาน A Better Tomorrow ได้เห็นความคิดของคนสิงคโปร์ในโลกแห่งอนาคตหน้า กับเทคโนโลยี AR สร้างสรรค์งานโดย iMac Pro, 3D rendering, iPad Pro, Procreate, Spark AR Studio
นับเป็นประสบการณ์ AR ที่น่าสนใจกับแนวคิดการฉลองครบรอบสิงคโปร์ 75 ปี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก การสร้างสภาพแวดล้อมทั้งด้านปัจเจกบุคคลและสังคม ผู้เข้าชมผลงานสามารถใช้สมาร์ทโฟนหรือ iPad สแกน QR codes จากนั้นใช้อุปกรณ์ชี้ไปยังภาพดิจิทัลทั้ง 6 ภาพ เป็นทั้งภาพอาคารสูง ถนนหนทาง ชายหาด เพื่อมองเห็นวิถีชีวิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด การรีไซเคิลผลิตภัณฑ์จากพลาสติกต่างๆ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า รถยนต์บินได้ โรงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ขนาดใหญ่ริมชายหาดเพื่อนำมาหล่อเลี้ยงชาวสิงคโปร์ ซึ่งมองแล้วตื่นเต้นดี หลายๆสิ่งที่เห็นเป็นสิ่งล้ำยุคกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันในโลกอนาคต
ผลงาน The Mount That Keep On Growing หรือภูเขาที่กำลังเติบโตต่อเนื่องโดย “DPLMT” ผ่านโลก AR เป้าหมายรณรงค์การบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะมลภาวะเป็นพิษจากเศษขยะพลาสติก ผ่านภาพภูเขาที่กำลังเติบโต ใช้เอฟเฟกต์คาไลโดสโคปจะเห็นงานศิลปะที่มาพบกันและเคลื่อนไหวได้ เมื่อมองเข้าไปอย่างใกล้ชิดจะเห็นศิลปะที่สวยงามถูกสร้างมาจากวัสดุที่เป็นขยะทั้งหมด
โครงการดังกล่าวถูกสร้างสรรค์จากอุปกรณ์ iPad Pro, Mac-Book Pro, Procreate โดยให้ผู้เข้าร่วมชมงานใช้สมาร์ทโฟนของตนสแกน QR Codes ที่อยู่กับภาพของภูเขาเพื่อเข้าไปยังแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ทันทีที่กล้อง AR จะเปิดขึ้นและถูกชี้ไปที่ภาพเพื่อดูเอฟเฟกต์คาไลโดสโคป แถมมีตัวเลือกในการถ่ายภาพเซลฟี่กับฉากหลัง AR ของเอฟเฟกต์ที่ละลานตาและสามารถไปแชร์บนโซเชียลมีเดียได้
ผลงาน OceanScrub โดย “เจสัน ลู และเชอริล มาร์ค” ผ่านเกมมือถือแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ กระตุ้นให้ฝึกฝนนิสัยการลดขยะ ทางผู้เล่นเกมจะรับบทเป็นทูตปกป้องมหาสมุทร โดยจะนำสัตว์ในท้องทะเลผ่านบริเวณทะเลที่สกปรกอย่างปลอดภัยและป้องกันสัตว์ในท้องทะเลทั้งหลายไม่ให้กินขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงในท้องทะเล หากอยู่รอดในเกมได้มากน้อยเท่าใดจะได้คะแนนสูงขึ้นเท่านั้น โดยเกมนี้จะมีให้ดาวน์โหลดในแอปสโตร์ต่อไป เป้าหมายของเกมคือการรณรงค์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและชีวิตใต้น้ำ
ผลงาน Hold My Gaze โดย “แอนดรูว์ โล้” เป็นการนำเสนอในรูปแบบ AR อินเตอร์แอ็กทีฟจากผลพวงของไฟป่าซึ่งมักเกิดผลหมอกควันปกคลุมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคุณได้รับเชิญให้นั่งอยู่หน้า iPad และจ้องมองกล้องหน้าด้วยเทคโนโลยีการทำแผนที่จะเห็นใบหน้าของตนเองถูกปกคลุมด้วยป่าฝนที่สวยงาม ทันทีเมื่อคุณมองออกไปหน้ากากจะเปลี่ยนเป็นป่าที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งผลของการเพิกเฉยจะเกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
การรณรงค์เพื่อสังคมกับเป้าหมายให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีต่างๆอย่างน่าสนใจ ที่ ArtScience Museum ที่สิงคโปร์ เผื่อใครสนใจผ่านเข้าไปดูกันได้.
ธวัชชัย ขจรวานิชไพบูลย์