นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในงานประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สถานทูต และเอกชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อรับมือนักท่องเที่ยวจากการขยายมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่าน หรือ Visa on arrival ว่า
ได้สั่งให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนครบาลและภูธร เร่งกำจัดบรรดาเหลือบเกาะกินภาคการท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มที่ชอบไซ้แขก ล้อมบังคับนักท่องเที่ยว หรือพวกแท็กซี่ที่เอาเปรียบและปฏิเสธผู้โดยสาร ซึ่งมักกระจายอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้หมดไปจากประเทศไทย โดยเมื่อจับคนกลุ่มนี้ได้ และทำการเปรียบเทียบปรับแล้ว ก็ขอให้ขึ้นทะเบียนประวัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หากพบการทำผิดซ้ำก็ให้พิจารณาบทลงโทษทางอาญา ด้วยการใช้อำนาจของศาลไปจัดการในทันที ขณะเดียวกันขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันหาทางสอดส่องและดูแลกรณีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติถูกล่วงละเมิดทางเพศ ที่มีตั้งแต่ขั้นเบาจนถึงการถูกข่มขืน หลังพบว่ามีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในด้านการดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาการแก้ไข พ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ในวาระที่ 3 คาดว่าจะผ่านการเห็นชอบ และทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว กำหนดให้เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ประมาณคนละ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อครั้ง เพื่อนำเงินไปใส่ไว้ในกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว และกองทุนฯ จะนำเงินดังกล่าวไปซื้อประกันภัยสำหรับดูแลนักท่องเที่ยวในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยลดภาระจากภาครัฐที่ต้องใส่เงินงบประมาณลงไปทุกปี.