ไฟเขียวฟ้อง "ไทยคม–อินทัช" 200 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รับมอบอำนาจจาก ครม.ไปดำเนินคดีโดยกระบวนการทางอนุญาโตตุลาการและหรือทางศาล เพื่อเรียกร้องให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติตามข้อสัญญา ชำระค่าตอบแทนต่างๆตามสัญญา ชำระค่าปรับ และค่าเสียหายต่างๆตามรายละเอียดของจำนวนที่ตรวจสอบได้ และประสงค์จะเรียกร้องแทนรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ สำนักอัยการสูงสุด แจ้งให้ดำเนินการในกรณีสัญญาของดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 โดยมีจำนวนผลประโยชน์ตอบแทนที่ต้องชำระให้กระทรวงดีอีทั้งสิ้น 199.88 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ยังใช้งานอยู่ในวงโคจร ประเด็นข้อพิพาทเกิดขึ้นภายหลังจากได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2553 ได้มีข้อระบุว่า กิจการโทรคมนาคม และกิจการดาวเทียมสื่อสารมอบหมายให้ทาง กสทช.ออกใบอนุญาตประกอบการให้แก่ บมจ.ไทยคมและให้ก่อสร้างดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ขึ้นเพื่อให้บริการ อย่างไรก็ตาม การออกใบอนุญาตของ กสทช.เป็นการอนุญาตให้ บมจ.ไทยคมประกอบกิจการโทรคมนาคมในราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่อนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ หรือเข้าถึง หรือเข้าใช้วงโคจร ซึ่งการใช้สิทธิในการเข้าถึงตำแหน่งวงโคจรซึ่งเป็นทรัพยากรของรัฐ เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทาน บมจ.ไทยคมจึงมีความผูกพันอันที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาของสัมปทานเพื่อให้รัฐได้สิทธิผลประโยชน์อันพึงได้ให้ครบถ้วน.