ทีวีไดเร็คเลื่อนซื้อสปริงนิวส์ไม่มีกำหนด เหตุประเมินทรัพย์สิน–ราคาซื้อขายกันใหม่ หลัง กสทช.ให้นำคลื่น 700 ของทีวีดิจิทัลออกประมูลเพื่อให้บริการ 5 จี แล้วนำเงินมาช่วยเหลือทีวีดิจิทัลที่เหลือทั้งหมด ทำให้สถานการณ์เปลี่ยน แต่สัญญาเช่าเวลาออกอากาศวันละ 18 ชั่วโมงยังคงเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD (ทีวีดี) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือน ก.ย.2561 ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น (SPTV) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ภายใต้ใบอนุญาตสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จากบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น (SPC) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 90.10% ในมูลค่ารวม 949.22 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่าย คือทีวีไดเร็คและสปริงนิวส์ได้เห็นชอบร่วมกันในการยุติกระบวนการซื้อขายเอาไว้ก่อน เพื่อรอความชัดเจนหลัง กสทช.กำหนดให้มีการนำคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นคลื่นสำหรับทีวีดิจิทัลไปจัดการประมูล 5 จี แล้วนำรายได้มาช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ซึ่งปัจจุบัน เหลืออยู่ 22 ช่อง โดยเป็นการช่วยเหลือทั้งค่าประมูลที่ยังเหลือค้างจ่ายรวม 15,000 ล้านบาท ค่าเช่าโครงข่าย (MUX) และค่าใช้จ่ายตามประกาศหลักเกณฑ์ การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) โดยนโยบายดังกล่าวส่งผลให้เงื่อนไขการเจรจา ราคาซื้อขายและการประเมินสินทรัพย์ที่ทำกันไว้ปรับเปลี่ยนไป ทั้ง 2 ฝ่ายเลื่อนการซื้อขายหุ้นออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด
ก่อนหน้านี้ทีวีไดเร็คและสปริงนิวส์คาดว่าขั้นตอนการซื้อขายน่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2561 แต่สุดท้ายก็ขยับไปเป็นปลายเดือน ม.ค.2562 โดยขณะนั้นนายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีวีไดเร็คชี้แจงว่า กระบวนการซื้อขายที่ล่าช้า เนื่องมาจากสปริงนิวส์ยังไม่สามารถเคลียร์หนี้เก่าได้หมด โดยภายใต้เงื่อนไขการเข้าซื้อหุ้น ผู้ถือหุ้นทีวีดีมีมติไว้ชัดเจนว่า การจะเข้าไปซื้อหุ้นนั้น สปริงนิวส์เทเลวิชั่นจะต้องเคลียร์หนี้เดิมที่คั่งค้างอยู่ให้หมดก่อน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงที่จะยุติกระบวนการทั้งหมดไว้ก่อน เพื่อรอความชัดเจน โดยปัจจุบันสปริงนิวส์ได้ชำระค่าประมูลใบอนุญาตทุกงวดแล้ว เหลือเพียงงวดสุดท้าย ขณะที่หนี้ค่าเช่าโครงข่าย (MUX) นั้น คาดว่าจะเคลียร์เสร็จสิ้นภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า โดยการยุติกระบวนการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย เนื่องจากการซื้อขายดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ข้อตกลงเรื่องการซื้อ-ขายหุ้นระหว่าง 2 บริษัท เกิดขึ้นหลังจากที่ทีวีไดเร็คได้เซ็นสัญญาความร่วมมือผลิตรายการให้แก่ช่องสปริงนิวส์ เมื่อเดือน เม.ย. 2561 และต่อมาเห็นพ้องว่าควรหาแนวทางขยายความร่วมมือให้ยั่งยืนขึ้นกว่าเดิม เพื่อทำให้ทีวีไดเร็คบรรลุจุดหมายก้าวไปสู่การทำวิดีโอมาร์เกตติ้งในอนาคต
ทั้งนี้ ภายใต้สัญญาความร่วมมือผลิตรายการดังกล่าวซึ่งมีอายุ 4 ปี ทีวีไดเร็คได้เช่าเวลาวันละ 18 ชั่วโมงของช่องสปริงนิวส์ขายสินค้า ส่วนเวลาที่เหลืออีก 6 ชั่วโมงเป็นรายการข่าวและสาระที่สปริงนิวส์ยังคงผลิตเองอยู่ โดยหลังยุติกระบวนการซื้อขายหุ้นระหว่างกัน ทีวีไดเร็คจะยังคงเช่าเวลาสปริงนิวส์ภายใต้สัญญาเดิมวันละ 18 ชั่วโมงต่อไป
นายทรงพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทีวีไดเร็ค ให้สัมภาษณ์ในขณะนั้นว่า แผนดำเนินงานของทีวีไดเร็ค มีอยู่ 3 แนวทางด้วยกันคือ 1.การขยายช่องทางทีวีให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่บนแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียมและเช่า-ซื้อเวลาโฆษณาบนฟรีทีวีเกือบทุกช่อง 2.การให้บริการครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ (O to O) 3.ขายสินค้าแบบอินเตอร์แอ็กทีฟร่วมกับยูทูบ (You Tube) ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งใหม่และท้าทาย
เขายังมองทิศทางของธุรกิจทีวีดิจิทัลว่า มีแต่คนพูดว่าไม่มีคนดูทีวี แต่ทีวีไดเร็คก็ยังขายสินค้าผ่านทีวีได้ และเชื่อว่าทีวียังพอมีเวลาให้ทำกำไรต่อไปได้ คนยังดูทีวีเพียงแต่วิธีการรับชมอาจเปลี่ยนไปเท่านั้น.