เอกชนยื่นหนังสือร้อง "บิ๊กตู่" ระส่ำไม่ต่อ "เซฟการ์ดเหล็ก"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เอกชนยื่นหนังสือร้อง "บิ๊กตู่" ระส่ำไม่ต่อ "เซฟการ์ดเหล็ก"

Date Time: 1 ก.พ. 2562 09:40 น.

Summary

  • 7 สมาคมอุตสาหกรรมเหล็ก ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” แจงถึงความจำเป็นขอต่ออายุมาตรการ “เซฟการ์ด” สินค้าเหล็ก ชี้หากไม่ต่อกระทบหนักแน่

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้



7 สมาคมอุตสาหกรรมเหล็ก ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” แจงถึงความจำเป็นขอต่ออายุมาตรการ “เซฟการ์ด” สินค้าเหล็ก ชี้หากไม่ต่อกระทบหนักแน่ วอนอย่าสวนกระแสโลก–ปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่ม 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน สมาคมผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และสมาคมโลหะไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นของการต่ออายุมาตรการ “เซฟการ์ด” สินค้าเหล็กที่กำลังหมดอายุลงวันที่ 26 ก.พ.นี้

นายนาวา จันทนสุรคน นายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และผู้ประสานงานกลุ่ม 7 สมาคมฯ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวกระทรวงพาณิชย์ไม่ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น หรือเซฟการ์ด ของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออัลลอย ว่า ได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ผลิตเหล็กทั้งวงการ เนื่องจากขณะนี้ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างมีนโยบายคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศจากสงครามการค้า แต่ไทยกลับมีนโยบายที่สวนกระแสโลก โดยเซฟการ์ดเป็นมาตรการที่สำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับอุตสาหกรรมผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในปัจจุบัน

“ปัจจุบันประเทศผู้นำเข้าเหล็กรายใหญ่ของโลกต่างใช้มาตรการทางการค้า ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกาที่ใช้มาตรการ 232 สหภาพยุโรป ตุรกี และแคนาดา ใช้มาตรการเซฟการ์ดในรูปแบบพิเศษ ที่เปิดไต่สวนสินค้าเหล็กหลายประเภทในคราวเดียว ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้สินค้าเหล็กที่ไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ต้องถูกระบายไปยังประเทศที่ไม่มีมาตรการการค้า และหากไทยยุติมาตรการเซฟการ์ดก็จะทำให้เกิดวิกฤติต่ออุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศ ดังเช่นในปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงก่อนบังคับใช้มาตรการ ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนบางรายต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวไปกว่า 1 ปี และหากมองสถานการณ์ในครั้งนี้ผลกระทบจะมีความรุนแรงเป็นทวีคูณ หากมีสินค้าไหลทะลักเข้ามาหลังยุติมาตรการ กลุ่มผู้ผลิตในประเทศซึ่งลงทุนไปกว่า 200,000 ล้านบาทอาจต้องเผชิญอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดในการดำเนินธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อคู่ค้า และธนาคารเจ้าหนี้ และภาพรวมเศรษฐกิจ”

ด้านนายวรพจน์ เพียรอภิธรรม นายกสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น กล่าวว่า สมาชิกของสมาคมเป็นผู้ใช้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเป็นวัตถุดิบในการผลิต ในช่วงที่ผ่านมา แม้มีมาตรการเซฟการ์ดสินค้าในประเทศ แต่ก็มีการปรับขึ้นลงตามตลาด และต้นทุนในการผลิตไม่ได้ถือโอกาสปรับราคาอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งสมาชิกยินดีสนับสนุนการใช้สินค้าในประเทศ เพื่อให้ทั้งอุตสาหกรรมดำเนินธุรกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้ แต่หากภาครัฐไม่ต่อมาตรการเซฟการ์ดอย่างกระชั้นชิด ไม่มีเวลาให้อุตสาหกรรมในประเทศได้เตรียมตัว เชื่อว่าอุตสาหกรรมเหล็กทั้งห่วงโซ่การผลิตจะได้รับผลกระทบแน่นอนจากสินค้าที่จะไหลทะลักเข้ามา โดยเฉพาะจากจีนมีราคาต่ำมากผิดปกติ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ