คนจนเฮ ครม.มีมติขยายเวลาโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะ 2 ต่อไป ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.2562 แถมเพิ่มเงินให้ผู้ผ่านการอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกรายละ 100-200 บาท ต่อไปอีก 6 เดือน ใช้งบกลาง 4,370 ล้านบาท หลังสำรวจพบผู้เข้าอบรม 80 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้เพิ่ม 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมปรับเงื่อนไขให้ชาวบ้านที่ถือบัตรคนจน 14.5 ล้านคน กดเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการฯได้รายละ 100-200 บาท เหลือใช้ในร้านค้าประชารัฐแค่รายละ 100 บาท ด้านคลังลงพื้นที่ติดตามผล ผู้ฝึกอาชีพตามมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตพบมีรายได้ดีขึ้น
ประชุม ครม.สัญจรที่ จ.ลำปาง อนุมัติเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.ลำปาง เห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 ต่อไปตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.2562 หลังจากโครงการสิ้นสุดไปเมื่อเดือน ธ.ค.2561 วงเงินดำเนินการจำนวน 4,370 ล้านบาท เป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการ 4,145,397 ราย ใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายภายใต้กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้กระทรวงการคลังดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 จากงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เมื่อร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมมีผลบังคับใช้
“สำหรับโครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 นี้ จะให้ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาลงทะเบียนเพื่อเข้าอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิต หลังผ่านการอบรมจะรับเงินเพิ่มจากระยะแรก ถ้ามีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปีจะได้รับเงินเพิ่มรายละ 200 บาทต่อเดือน จากโครงการระยะแรกได้รายละ 300 บาท รวมเป็น 500 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อผ่านการฝึกอบรมจะได้รับเงินเพิ่มรายละ 100 บาทต่อเดือน จากระยะแรกรับรายละ 200 บาท รวมเป็น 300 บาทต่อเดือน เงินที่ได้รับเพิ่มรายละ 200 บาทและ 100 บาทในระยะที่ 2 นี้ ครม.เคยมีมติให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเบิกออกมาใช้เป็นเงินสดได้ผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้แล้วก่อนหน้านี้ ส่วนเงินที่ได้รับในโครงการระยะที่ 1 รายละ 300 บาทและ 200 บาท มติ ครม.เดิมกำหนดให้ต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐเท่านั้น มีระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเดือน ก.ย.2562” โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว
นายพุทธิพงษ์กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามการประชุม ครม.ครั้งนี้เห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายเงินในส่วนที่ได้รับในโครงการระยะที่ 1 รายละ 300 บาทและ 200 บาทต่อเดือน ซึ่งเดิมกำหนดให้ต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐเท่านั้น ปรับใหม่ให้สามารถเบิกเป็นเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขาของธนาคารกรุงไทยได้ 200 บาทและ 100 บาทต่อเดือน เหลือเงินสำหรับที่ต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐ 100 บาท กำหนดให้เบิกเป็นเงินสดช่วงเวลาตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.2562 เป็นเวลา 3 เดือน เหตุผลที่ให้ปรับเปลี่ยนมาเบิกเป็นเงินสดได้รายละ 200 บาท และ 100 บาทต่อเดือนรอบนี้ เนื่องจากเมื่อต้นปีมีผลสำรวจระบุว่า ประชาชนต้องการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าที่ไม่อยู่ในร้านค้าประชารัฐจำนวนมาก
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าของโครงการพบว่า จากจำนวนผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14.5 ล้านคน มีผู้เข้าร่วมโครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 จำนวน 4,145,397 ราย ได้รับการพัฒนาแล้ว 3,267,941 ราย จากการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาตนเองของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูล ณ สิ้นปี 2561 สามารถติดตามได้ 2,607,195 ราย หรือคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่พัฒนาแล้วพบว่า หลังเข้าร่วมโครงการมีรายได้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 บาทต่อปี จำนวน 1,566,353 ราย แบ่งเป็นจำนวนที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,451,237 ราย และรายได้เกินกว่า 100,000 บาทต่อปีจำนวน 115,116 ราย สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่าน การพัฒนาแล้ว แต่ยังมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปีลดลงอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 1,012,727 ราย คงเหลือ 1,040,842 รายหรือคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง พร้อมคณะประกอบด้วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นต้น เดินทางลงพื้นที่ชุมชนบ้านทุ่งขาม ต.ใหม่พัฒนา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับการฝึกอาชีพ รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รวมถึงติดตามการนำความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อย ตามมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาต่อยอดสร้างรายได้ และเยี่ยมชมกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ อาทิ การผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด ข้าวอินทรีย์ สับปะรด การทำขนมไทย การนวดแผนไทย และการผลิตเครื่องจักสานพบว่า หลังฝึกอาชีพแล้วผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีงานทำ มีรายได้ แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และมีเงินออมมากขึ้น นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังกล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะเปิดให้ฝึกอบรมอาชีพอีกครั้งสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าฝึกอบรม และจะนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ณ จังหวัดลำปางนี้ด้วย
“ในโอกาสนี้ รมว.คลัง กล่าวถึงวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในระดับฐานราก และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ผ่านโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีมาตรการต่างๆได้แก่ มาตรการการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม มาตรการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการออมผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ มาตรการต่างๆจะช่วยสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีงานทำ มีอาชีพเสริม มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีเงินออมเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป