ธปท.ชี้ เอสเอ็มอีต้องเร่งปรับตัวรับการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเอสเอ็มอีเมืองรอง ที่ถูกรายใหญ่ระดับประเทศยึดพื้นที่ตีขนาบ และกลยุทธ์ลดราคา เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ไม่ได้ พบ 70% ใช้กลยุทธ์ราคาแต่ยอดขายลดลง รวมทั้งการเข้าสู่การค้าออนไลน์ ถ้าไม่เก่งจริงอาจไม่รอด ต้องเน้นลดต้นทุน ปรับสินค้าให้แตกต่าง
น.ส.ศราวัลย์ อังกลมเกลียว ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจเอสเอ็มอี 2,400 ราย ทั่วประเทศเพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและการปรับตัว เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและช่วยเหลือในอนาคต พบว่า เอสเอ็มอีในขณะนี้กำลังเผชิญกับ 2 ปัญหาหลัก คือ ต้นทุนธุรกิจสูงและการแข่งขันรุนแรง ทั้งจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากเอสเอ็มอีด้วยกันเอง ที่พยายามปรับตัว การแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจการค้าออนไลน์ (E-Commerce) ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการบริโภคสินค้าและบริการในราคาและคุณภาพที่หลากหลาย และการแก้ไขปัญหานี้ ส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย แต่ในจำนวน 70% ที่ใช้กลยุทธ์นี้กลับประสบกับปัญหายอดขายลดลง มีเพียงส่วนน้อย ที่ใช้กลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริหารจัดการต้นทุนให้น้อยลง เพื่อให้ผลประกอบการดีขึ้นและต้นทุนทางการเงินลดลง
ผลสำรวจพบว่า มีเอสเอ็มอีจำนวนหนึ่งที่ปรับตัวด้วยการเข้าสู่ตลาดออนไลน์ แต่ปัญหาหลักคือส่วนใหญ่ยังคงขายสินค้าและบริการที่ไม่มีเอกลักษณ์ ไม่เพียงพอทำให้ธุรกิจเติบโตยั่งยืนได้ เนื่องจากตลาดออนไลน์มีการแข่งขันที่รุนแรง จากคู่แข่งจำนวนมากและเน้นแข่งขันด้วยราคา ดังนั้น การมุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการให้แตกต่างจากคู่แข่ง จึงเป็นการสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจในระยะยาว
“ขณะนี้พบว่าเอสเอ็มอีเมืองรองประสบกับความท้าทายในการทำธุรกิจมากกว่า เอสเอ็มอี ในเมืองหลัก เพราะตลาดเอสเอ็มอีในเมืองรองมีขนาดเล็ก และต้องแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยายเข้ามาในพื้นที่ เพราะมีศักยภาพและต้นทุนถูกกว่า เช่น ร้านขายสินค้าเฉพาะทางขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และยังมีต้นทุนแรงงานสูงเพราะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากส่วนใหญ่เข้าไปทำงานในหัวเมืองใหญ่ หรือกรุงเทพฯ ขณะที่แรงงานรุ่นใหม่ ต้องการทำงานในสำนักงาน และโครงสร้างพื้นฐานไม่เอื้ออำนวย อาทิ ถนนชำรุดคับแคบ ไฟฟ้าดับบ่อย อินเตอร์เน็ตไม่เสถียร ทำให้เอสเอ็มอีเมืองรองเสียโอกาสทางการค้า มีต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น”
“เอสเอ็มอีจะต้องปรับตัวเพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ปรับเปลี่ยนสินค้าบริการให้แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ต้นทุนที่ต่ำลง ใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาครัฐต้องช่วยกัน เพื่อให้เอสเอ็มอีมีภาระต้นทุนจากกฎเกณฑ์ต่างๆ จากภาครัฐ และขั้นตอนการทำธุรกิจที่ลดลง สนับสนุนโครงสร้างทางเทคโนโลยี โครงข่ายดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น สร้างแรงจูงใจให้แรงงานกลับมาทำงานในท้องถิ่น โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรอง ส่วน ธปท.จะมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินกลาง ให้เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบการเงิน ให้กับเอสเอ็มอี และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยต้นทุนที่เหมาะสม”
นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ออกพันธบัตรเอสเอ็มอี มูลค่า 2,950 ล้านบาท อายุ 7 ปี เพื่อเป็นสินเชื่อให้เอสเอ็มอี คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้เต็มจำนวนในไตรมาสแรกปีหน้า ให้กับเอสเอ็มอีที่มียอดขาย 1-500 ล้านบาทต่อปี และเฉลี่ยรายละ 10 ล้านบาท รวม 290 ราย.