ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี-2018) ที่จะใช้ในปี 2561-2580 ซึ่งจะเปิดรับฟังความเห็นที่กรุงเทพฯ ครั้งสุดท้ายในกลางเดือน ธ.ค. ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือน ธ.ค.นี้
โดยแผนพีดีพีใหม่ที่จะนำเสนอ กพช. จะสรุปค่าไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกินแผนเดิมที่อยู่ที่ 5.55 บาทต่อหน่วย เมื่อสิ้นสุดปลายแผน และแผนพีดีพีใหม่นี้จะมีการปรับ (รีวิว) ในปี 2563 อีกครั้งตามนโยบายคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานอีกครั้ง เพื่อให้สอดรับกับแผนการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติและโซล่าร์เสรี
สำหรับแผนพีดีพีใหม่เมื่อพิจารณากำลังการผลิต ที่เชื่อถือได้ในปี 2568-2569 จะพอดีกับความต้องการใช้ไฟฟ้า และปี 2570 กำลังผลิตไฟฟ้าจะลดต่ำกว่าความต้องการใช้ประมาณ 5,100 เมกะวัตต์ ในปี 2580 ก็จะต่ำกว่าถึง 27,000 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดสรรโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมอีก 51,415 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 20,757 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้จะมาจากการรับซื้อไฟฟ้าจากโซล่าร์ ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ เป็นต้น
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ.หรือ สร.กฟผ. กล่าวว่า ร่างแผนพีดีพีฉบับใหม่ที่กระทรวงพลังงานจัดทำในขณะนี้เห็นว่ายังคงพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วนถึง 53% ของเชื้อ เพลิงรวม ซึ่งเห็นว่าควรจะกระจายเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศไทย ขณะเดียวกัน สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ที่ระบุชัดเจนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 37% ที่เหลือจะต้องไปแข่งขันกับอีพีพีก็ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐว่าจะคำนึงถึงความมั่นคงอย่างไรในอนาคต เพราะ กฟผ.พร้อมที่จะแข่งขัน.