สนธิรัตน์ ตะเพิดถอดชื่อร้านธงฟ้าฯ ลอบขายน้ำมันปาล์มมาเลย์

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สนธิรัตน์ ตะเพิดถอดชื่อร้านธงฟ้าฯ ลอบขายน้ำมันปาล์มมาเลย์

Date Time: 12 พ.ย. 2561 20:51 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • "สนธิรัตน์" สั่งตรวจสอบร้านธงฟ้าประชารัฐชายแดนใต้ แอบขายน้ำมันปาล์มขวดลักลอบจากมาเลเซีย ลั่นถอดชื่อออกจากโครงการ พร้อมดันมาตรการแก้ปาล์มเข้าครม. 13 พ.ย.นี้

Latest


"สนธิรัตน์" สั่งตรวจสอบร้านธงฟ้าประชารัฐชายแดนใต้ แอบขายน้ำมันปาล์มขวดลักลอบจากมาเลเซีย ลั่นถอดชื่อออกจากโครงการ พร้อมดันมาตรการแก้ปาล์มเข้าครม. 13 พ.ย.นี้...


เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีประชาชนร้องเรียนร้านธงฟ้าประชารัฐ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำน้ำมันปาล์มสำเร็จรูปบรรจุขวด จากมาเลเซียมาจำหน่าย ว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว หากพบว่ามีการจำหน่ายจริง จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยอาจถูกถอดชื่อจากการเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ เพราะน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หรือถุง ที่วางขายในร้าน น่าจะเป็นการลักลอบนำเข้า เนื่องจากขณะนี้ ผลผลิตปาล์มน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนมาก และราคาต่ำกว่าของไทยมาก

“น้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่นำเข้ามาในไทย น่าจะเป็นการลักลอบนำเข้า เพราะหากนำเข้ามาอย่างถูกต้อง มีการเสียภาษีจริง จะขายราคาต่ำกว่าปาล์มขวดของไทยไม่ได้ เพราะการนำเข้าน้ำมันปาล์มมีขั้นตอนมาก และต้องเสียภาษีนำเข้าสูงมาก ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าในระยะนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีน้ำมันปาล์มที่เหลือในระบบเยอะมาก และราคาก็ลดลงตามตลาดโลก อาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้ามาขายในไทย ซึ่งได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงให้เข้มงวดดูแลตามแนวชายแดนแล้ว”  

สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มนั้น ไทยอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ, น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์, น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ใส่ขวด, น้ำมันปาล์มสำเร็จรูปพร้อมบริโภค และไขมันปาล์ม ตามที่ไทยได้ผูกพันไว้ในกรอบองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) โดยกำหนดภาษีนำเข้าในโควตา 20% และกำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว ส่วนการนำเข้านอกโควตา กำหนดภาษี 143% โดยผู้ที่จะนำเข้า ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ขณะที่การนำเข้าภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) กำหนดภาษีนำเข้า 0% และให้อคส. นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มในประเทศตกต่ำ โดยวันที่ 13 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบมาตรการแก้ปัญหา ได้แก่ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีเป้าหมาย 160,000 ตัน/ปี เพื่อปรับสมดุลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มที่ปัจจุบันมีอยู่ 440,000 ตัน กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ประมาณ 200,000-250,000 ตันภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ จะขอครม.อนุมัติขายระยะเวลามาตรการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปจนถึงเดือนก.พ. 62 จากเดิมสิ้นสุดเดือนต.ค.61 โดยจะใช้งบประมาณ 525 ล้านบาท ในการชดเชยค่าขนส่ง 1.75 บาท/กิโลกรัม (กก.) ให้กับผู้ส่งออกเพื่อผลักดันน้ำมันปาล์มดิบออกนอกประเทศปริมาณเป้าหมาย 300,000 ตัน ภายใน 5 เดือน และมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การเร่งรัดออกประกาศกำหนดให้โรงงานสกัดรับซื้อผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันขั้นต่ำ โดยโรงสกัดเอ (ซื้อทั้งปาล์มทะลาย) ต้องซื้อเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มขั้นต่ำ 18% ขึ้นไป ส่วนโรงสกัดบี (ซื้อผลร่วง) ต้องซื้อขั้นต่ำ 30% ขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นไม่ให้รับซื้อ หากใครรับซื้อจะมีความผิดทางกฎหมาย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ