ตั้งกฎเข้ม-ตีทะเบียนประเมินทรัพย์สิน รัฐไฟเขียว 2 ร่างพระราชบัญญัติ

วางกรอบเผยข้อมูลต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จ.เชียงราย (ครม.สัญจร) ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ 2 ฉบับ คือ การประกอบวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน พ.ศ. ...และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ...(การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามคำขอระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยร่าง พ.ร.บ.การประกอบวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน พ.ศ. ...ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลและส่งเสริมวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน เพื่อให้การประกอบวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สินมีมาตรฐาน และอยู่ภายใต้ระบบควบคุมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเดียวกัน รวมทั้งจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลและส่งเสริมวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับกระทรวงการคลัง เพื่อทำหน้าที่จดทะเบียนและออกใบอนุญาตผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินรับอนุญาต และขึ้นทะเบียนนิติบุคคล ประกอบกิจการให้บริการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้ง จัดให้มีมาตรฐานการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้ง จัดให้มีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ออกเป็นกฎกระทรวง

ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ...(การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามคำขอระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศ) นั้น ให้อำนาจอธิบดีกรม-สรรพากรสั่งการให้รวบรวมและนำส่งข้อมูลทางภาษีและข้อมูลอื่นๆ ตามที่ได้ร้องขอจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือตามสัญญาที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับต่างประเทศ และให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้รับตามสัญญาที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ขณะเดียวกัน หากผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลเนื่องจากการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศระหว่างประเทศ ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใดหรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่เป็นการเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อสนเทศตามสัญญาที่รัฐบาลไทยต่างประเทศ หรือเป็นการเปิดเผยตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด

โดยหากผู้มีหน้าที่รายงานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการรวบรวมและนำส่งข้อมูล จงใจแจ้งข้อความเท็จในการรวบรวมและนำส่งข้อมูล หรือล่วงรู้ข้อมูลที่ต้องรายงานหรือข้อมูลที่ได้รับมาจากต่างประเทศ แล้วนำไปเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนแก่บุคคลอื่น ในร่าง พ.ร.บ.นี้มีกำหนดบทลงโทษตามกฎหมาย.