ช่วงนี้หลายคนคงแปลกใจว่าทำไม? ราคาทองในบ้านเราจึงตกเอาๆ จนหลุดมาเหลือบาทละ 18,000 กว่าๆ แถมบางครั้งราคาทองยังหวุดหวิดๆ หลุดต่ำกว่าบาทละ 18,000 บาทด้วย ทั้งที่เมื่อต้นปี 2561 ราคาทองคำในบ้านเรายังสูงถึงบาทละ 20,000 กว่าๆ และรักษาระดับราคาอยู่ที่เฉลี่ยประมาณบาทละ 19,500 บาทมาจนถึงเดือน ก.ค.
แต่พอถึงเดือน ส.ค.ราคาทองคำเริ่มหลุดต่ำกว่าบาทละ 19,000 บาท มาอยู่ที่บาทละ 18,000 กว่าบาท ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจู่ๆราคาทองคำถึงได้ไหลรูดลงมาจนน่าใจหายตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้
การที่ราคาทองคำไหลรูดมีความเกี่ยวข้องกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจ คือ สหรัฐอเมริกากับจีน ที่ปะทุหนักขึ้นในช่วงดังกล่าวนี้หรือไม่?!
ขณะที่ในส่วนของค่าเงินที่ผันผวน โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและค่าเงินบาทจะมีความผันแปรกับราคาทองมากน้อยเพียงไร?
และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ขึ้นนั้น ทำไม? จึงมีผลกับราคาทองคำในตลาดโลก ที่สำคัญที่ทำให้คนไทยสงสัยกันหนักเข้าไปอีกคือ บ่อยครั้งที่ราคาทองคำในประเทศปรับเปลี่ยนราคาที่สวนทางกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก โดยบางครั้งราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ราคาทองในประเทศกลับปรับขึ้นเล็กน้อยหรือไม่ปรับขึ้นเลย ขณะที่บางครั้งราคาทองคำโลกปรับลดลงเล็กน้อยหรือไม่ปรับเลย แต่ราคาทองคำในประเทศกลับปรับลดลงพรวดๆจนน่าตกใจ
ความข้องใจสงสัยทั้งหมดทั้งมวลนี้ เรามาฟังจากปากของ “กูรู” ด้านทองคำของบ้านเรากันดีกว่า เพราะน่าจะช่วยไขปริศนาคาใจนี้ได้เบ็ดเสร็จ
ทั้งนี้ ถ้าเป็นเรื่อง “ทอง” ต้องคนนี้เลย...เสี่ยจิตติ ตั้งสิทธิภักดี เพราะผูกขาดตำแหน่ง “นายกสมาคมค้าทองคำ” มาต่อเนื่องยาวนานหลายเพลา
เสี่ยจิตติ เปิดเผยถึงความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้ ว่ามาจากปัจจัยเดียว คือ ข่าวผลพวงดอกเบี้ยแบงก์ชาติสหรัฐฯ หรือเฟด ขาขึ้นข้ามปี ทำให้ช่วง 2–3 เดือนก่อนหน้าราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง กดดันให้บรรดานักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำอย่างต่อเนื่อง
แต่หลังจากเฟดมองว่าอัตราเงินเฟ้อน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ค่อยๆปรับขึ้นก็ได้ บวกกับนายโดนัลด์
ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาพูดตอกย้ำเข้าไปอีก จึงทำให้ราคาทองคำในตลาดปรับขึ้นทันที
ดังนั้นเราจึงเห็นความผันผวนของราคาทองคำที่มีมากแบบลงสุดๆ และสวิงขึ้นสุดๆ
“แต่ผลพวงจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน เงินบาทแข็งค่า ได้ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นไม่มากอย่างที่คิด เพราะหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้นเยอะกว่านี้”
นายกสมาคมค้าทองคำกล่าวต่อหลังจิบน้ำเก๊กฮวยว่า ช่วงนี้ราคาทองคำอยู่ระหว่างการปรับฐาน หลังจากที่ปรับขึ้นมาเยอะแล้ว แต่เชื่อว่าราคาทองมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกแต่ไม่มาก โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกยืนอยู่ที่ระดับกว่า 1,220 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ คิดว่าน่าจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,235 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ได้ และหากขยับขึ้นมาได้ก็น่าจะถึง 1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์แน่นอน
หากราคาทองในตลาดโลกขึ้นมาแตะในระดับดังกล่าว ราคาทองคำในประเทศไทยก็จะทะลุบาทละ 19,000 บาทนิดหน่อย คงไม่ปรับขึ้นมากไปกว่านี้ เพราะมีหลายๆปัจจัยมาฉุด ทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน “ขีดเส้นใต้ไว้ตรงนี้เลยว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวยาวที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ”
เสี่ยจิตติ กล่าวอีกว่า หากพูดถึงกำลังซื้อทองคำในบ้านเราช่วงนี้ แม้ราคาทองจะเริ่มปรับขึ้นมาบ้าง และมีประชาชนรวมถึงนักลงทุนรายย่อยเริ่มนำทองคำออกมาขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น แต่ตลาดการซื้อขายทองแหล่งใหญ่ในประเทศอย่าง “ย่านเยาวราช” ก็ยังไม่คึกคักหนาตาเหมือนยุคเฟื่องฟู “นั่นเพราะเศรษฐกิจในบ้านเรายังไม่ดีจริง กำลังซื้อไม่ดีและไม่มี เป็นผลจากหลายๆปัจจัยที่เราต่างก็รู้กัน ทั้งค่าเงินบาท ส่งออก ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร ที่ยังไม่ดีจริง”
เสี่ยจิตติย้ำอีกครั้งว่า ช่วงนี้ผู้ค้าทองคำทั่วประเทศรู้ถึงวิกฤติ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก “ทำใจ” เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดีที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทั้งคู่ และส่อแววยืดเยื้อยาวนานไม่จบลงง่ายๆ กระทบเป็นโดมิโนไปทั่วโลก
“เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ได้แต่ทำใจ” ว่าแล้วก็จิบน้ำเก๊กฮวยแก้เก๊กซิมจนหมดถ้วย!!!
พนารัตน์ ธงไชยฤทธิ์