“กกพ.” ลงมติเอกฉันท์ ห้าม “จีพีเอสซี” ซื้อหุ้น “โกลว์” ชี้เป็นการลดการแข่งขันการให้บริการ ขัดต่อ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน 2550 โว! เป็นมติที่ดีต่อบรรยากาศการลงทุน และเป็นบรรทัดฐานที่ดี ด้าน ปตท.ยอมรับคำตัดสิน ขึ้นกับ “จีพีเอสซี” และโกลว์ โดยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่อนุมัติคำขอเพื่อรวมกิจการ โดยการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี ในบริษัทโกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ โกลว์ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลต่อการลดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 รวมทั้ง การพิจารณาของ กกพ. ยังเป็นการพิจารณาที่ตระหนักถึง การสร้างบรรทัดฐานในการพิจารณาในระยะยาวด้วย
“กกพ. มีมติเป็นเอกฉันท์ และไม่อนุญาตให้ จีพีเอสซีในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้รับอนุญาตเข้ารวมกิจการกับ โกลว์ หลังจาก กกพ.พิจารณาแล้วพบว่า การรวมกิจการดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่อุตสาหกรรมในบางพื้นที่ จะมีบริษัทที่มีอำนาจการ บริหารกิจการไฟฟ้าลดลงเหลือเพียงรายเดียว โดย กกพ.เชื่อมั่นว่า มติที่เกิดขึ้นจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดี และถูกต้องในระยะยาว ยึดมั่นการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม และสร้างบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุน”
นอกจากนี้ กกพ. ยังพิจารณาในประเด็นที่ผู้รับบริการอาจมีทางเลือกรับบริการจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้แก่ กฟภ. ซึ่งพบว่า การให้บริการของ กฟภ. ก็ไม่สามารถทดแทนการให้บริการของลูกค้ากลุ่มโกลว์ ได้ เนื่องจากเหตุผลทางคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ต้องการความมีเสถียรภาพ รวมทั้ง กฟภ. ยังต้องจำหน่ายไฟฟ้าในราคาเดียวกันทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ทำให้ไม่สามารถให้อัตราส่วนลดกับผู้รับบริการได้ ส่งผลให้เกิดการลดการแข่งขัน
ทั้งนี้ ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 60 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ กกพ. มีอำนาจออกระเบียบ กำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อมิให้มีการกระทำการใดๆ อันเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน และกรณีของจีพีเอสซี ซึ่งเข้าซื้อหุ้น
ส่วนใหญ่ของโกลว์ จึงเป็นการรวมกิจการ เข้าเงื่อนไขของการที่ผู้รับใบอนุญาตรายหนึ่งเข้าครอบงำผู้รับอนุญาตอีกรายหนึ่งไม่สามารถทำได้ เว้นแต่จะขออนุญาตต่อ กกพ. เพื่อให้พิจารณาเหตุผล และความจำเป็นที่เพียงพอ หรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยหลังจากนี้ กกพ. จะได้แจ้งคำสั่งไม่อนุญาตไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์ตามระเบียบ ภายใน 30 วัน
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ปตท.ให้ความเคารพในการตัดสินใจของ กกพ. ส่วนการตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่ออย่างไรขึ้นอยู่กับทางบอร์ดจีพีเอสซี ว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ ปตท.เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเท่านั้น เบื้องต้นการไม่อนุมัติคำขอเพื่อรวมกิจการดังกล่าวอาจมีเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติมก็ได้ในอนาคต และหากไม่สามารถเข้าซื้อกิจการของโกลว์ได้ก็ไม่กระทบแผนการดำเนินงานด้านธุรกิจไฟฟ้าของ ปตท.หรือในเครือ ปตท. เพราะเป็นธุรกิจในอนาคตโดยเฉพาะพลังงานสะอาด ซึ่งก็ต้องเดินหน้าธุรกิจต่อไป
ขณะที่นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี กล่าวว่า จีพีเอสซียอมรับมติดังกล่าว และกำลังศึกษาแนวทางและรายละเอียดการดำเนินการต่อไป และขอยืนยันว่าที่ผ่านมาจีพีเอสซี ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายอย่างครบถ้วนแล้ว.