นาเกลือสมุทรสาคร รับงบ 3 แสน เลี้ยงสาหร่าย กู้วิกฤติขาดรายได้

“สมุทรสาคร” คึกคัก รับเงินชุมชนละ 3 แสน 75 โครงการ รวม 14.75 ล้านบาท ด้านเกษตรกรนาเกลือ เฮ! กู้วิกฤติขาดรายได้ช่วงหน้าฝน ลุยเพาะเลี้ยง “สาหร่ายพวงองุ่น” ตีตลาด มั่นใจสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก...

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่รัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง โดยผ่าน 2 กิจกรรมสำคัญ คือ 1.การฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาการเกษตร เพื่อเสริมทักษะอาชีพ การรวมกลุ่ม และประกอบธุรกิจการเกษตรขนาดเล็ก 2.กิจกรรมพัฒนากลุ่มเกษตรกรโดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพในชุมชน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลชุมชนละไม่เกิน 300,000 บาท

ทั้งนี้ได้มีเกษตรกรรวมกลุ่มเสนอโครงการและผ่านการพิจารณาอนุมัติตามกระบวนการทั้งสิ้น 75 โครงการ จาก 50 ชุมชน รวมงบประมาณ 14,759,020 บาท ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสาครได้โอนงบประมาณให้เกษตรกรกลุ่มต่างๆ จนครบทั้ง 75 โครงการแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างที่เกษตรกรแต่ละกลุ่มต้องไปดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนงาน

ด้านนายสุมล​ เสือสีนวล ประธานกลุ่มผู้ผลิตและเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น ต.กาหลง อ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า กลุ่มได้นำเสนอโครงการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโครงการด้านการผลิตพืชและพันธุ์พืช โดยได้รับการอนุมัติงบประมาณจำนวน 75,000 บาท ตามที่ได้มีการเสนอขอรับการสนับสนุนเพื่อนำมาขับเคลื่อนโครงการ เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่มีอาชีพการทำนาเกลือและประมง และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงฤดูฝน ทำให้ขาดรายได้ ก่อนได้รับคำแนะนำจากเพื่อนเกษตรกรที่เคยไปศึกษาดูงานจากโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างให้เพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น เนื่องจากเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทำให้ขายได้ราคา มีตลาดรองรับที่แน่นอน

ขณะที่สภาพพื้นที่ของชุมชนก็เอื้ออำนวยต่อการเพาะเลี้ยง จึงเห็นว่าหากมีการรวมกลุ่มกันทำอย่างจริงจัง จะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่การสร้างอาชีพ ส่งเสริมรายได้ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก และยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น จึงได้ร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นมาขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์เป็นครอบครัวของสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 ครัวเรือน โดยกลุ่มได้วางแผนการผลิต รวมทั้งได้ประสานช่องทางการตลาดเอาไว้แล้ว โดยมีภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้ามารับซื้อ

“มั่นใจว่าโครงการนี้จะประสบผลสำเร็จในการสร้างรายได้ให้กับสมาชิก รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคง เป็นการสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้เกษตรกรทั่วประเทศสามารถลืมตาอ้าปากและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ต่อไป” นายสุมล กล่าว.