ห้ามเช่าโกดังจำนำยุ้งฉาง นบข.หวั่นจัดการยาก-เปิดช่องทุจริต

นบข.เคาะตีกรอบจำนำยุ้งฉาง ระบุให้เกษตรกร-สถาบันเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องใช้ยุ้งฉางของตนเองเท่านั้น ห้ามเช่าหวั่นบริหารจัดการยาก ขณะที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยช่วง 7 เดือน ไทยรั้งอันดับ 2 ส่งออกได้ 6.16 ล้านตัน ลด 4% ขณะที่อินเดียขึ้นอันดับ 1 ที่ 7.34 ล้านตัน

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปี 61/62 ในส่วนของโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี (รับจำนำยุ้งฉาง) โดยกำหนดให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันในยุ้งฉาง หรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น พร้อมปรับปรุงวิธีการเก็บข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร โดยสามารถบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่าน หรือถุงบิ๊กแบ็ก วางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บ เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูง หรือไซโล โดยเทกอง และต้องมีระบบระบายอากาศเพื่อรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมคุณภาพ

“นบข.มีมติกำหนดชัดเจนว่า โครงการสินเชื่อชะลอการขายให้สถาบันเกษตรกรและเกษตรกร จะใช้เฉพาะยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น ไม่ให้เช่าของคนอื่นมาเข้าโครงการ เพราะกำกับดูแลลำบาก”

ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงสถานการณ์การปลูกข้าวในปีนี้ ซึ่งรายงานว่า ณ วันที่ 28 ส.ค.61 เกษตรกรเพาะปลูกข้าวรอบที่ 1 แล้ว 48.22 ล้านไร่ คิดเป็น 82.84% ของเป้าหมาย 58.21 ล้านไร่ มีพื้นที่เก็บเกี่ยวแล้ว 3.51 ล้านไร่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้ปริมาณผลผลิตมีความแม่นยำ นบข.จึงตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อประเมินผลผลิตข้าวปีนี้ เพื่อใช้วางแผนบริหารจัดการข้าวได้ถูกต้อง “ในรอบที่ 1 ปลูกข้าวแล้ว 48.22 ล้านไร่ คาดจะมีผลผลิต 25 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนรอบ 2 ตั้งเป้าจะมีพื้นที่ปลูก 12.21 ล้านไร่ ผลผลิต 8 ล้านตันข้าวเปลือก รวมปีนี้ 33 ล้านตันข้าวเปลือก ปริมาณพอดีกับการบริหารจัดส่งออกและบริโภคในประเทศ จึงไม่น่ามีผลกระทบต่อราคา”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ นบข.มีมติให้เกษตรกรและสถาบันการเกษตรที่เข้าร่วมโครงการจำนำยุ้งฉางต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง หรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น ห้ามเช่าสถานที่ของผู้อื่นมาฝากเก็บ เพราะในปีนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีนโยบายจะให้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) เข้าร่วมโครงการด้วย โดยจะให้ สกต.เช่าโกดังหรือคลังของโรงสี ฝากข้าวเปลือกไว้รอการขาย แต่ผู้เกี่ยวข้องในวงการข้าว ทั้งชาวนา ผู้ส่งออก มองว่า กรณีดังกล่าวจะเปิดช่องให้มีการทุจริตได้ และจะบริหารจัดการข้าวได้ยาก รวมถึงอาจมีการสวมสิทธิ์ชาวนาเข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งชาวนาอาจไม่ได้ประโยชน์ตามเป้าหมายรัฐบาล

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 61 ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 6.16 ล้านตัน ลดลง 4.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 99,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% โดยไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดียที่ส่งออกแล้ว 7.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.5% ส่วนอันดับ 3 เป็นเวียดนาม 4.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 16.8% และปากีสถาน 1.86 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.5% “การส่งออกที่ลดลง เป็นเพราะส่งออกข้าวนึ่งและข้าวหอมมะลิลดลง จากความต้องการที่ลดลง และราคาข้าวหอมมะลิไทยช่วงที่ผ่านมาสูงมาก ประกอบกับการส่งออกล่าช้าเพราะปัญหาฝนตก และอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ ส่วนเดือน ส.ค.คาดส่งออกได้ 800,000-900,000 ตัน”.