ใบขับขี่-หัวปิงปอง-หัวร้อน!

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ใบขับขี่-หัวปิงปอง-หัวร้อน!

Date Time: 28 ส.ค. 2561 05:01 น.

Summary

  • กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานตำรวจแห่งชาติชงแก้ไขกฎหมายรถยนต์เพิ่มโทษผู้ขับขี่รถที่ไม่มีใบอนุญาต จากเดิมจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน...

Latest

ทอท. ลงทุนเต็มพิกัด 10 ปี 2 แสนล้านบาท เที่ยวบินอินเตอร์ฟื้นตัวเกิน 100%

กำลังเป็นประเด็นสุดฮอต เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” สนั่นเมือง!...

กับเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานตำรวจแห่งชาติชงแก้ไขกฎหมายรถยนต์เพิ่มโทษผู้ขับขี่รถที่ไม่มีใบอนุญาต จากเดิมจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

ทำเอาผู้คนในสังคมอุทานกันเสียงหลง ดาหน้าออกมาถล่มกันจมหู ถึงขนาดที่อดีตผู้พิพากษาบางคนออกมาตีแสกหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ ต้องรวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลพิจารณาเท่านั้น ขณะ “ทนายหัวร้อน” บางคนออกมาจวกหนักเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์ยึดใบขับขี่ หรือการเพิ่มโทษปรับหนักถึง 50,000 บาทนั้นจะเป็นการเปิดช่องให้ “หัวปิงปอง” รีดไถหนักยิ่งกว่าเก่า เป็นการรังแกคนจนหาเช้ากินค่ำ

หลายฝ่ายถึงกับเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” งัด ม.44 ระงับยับยั้งร่างกฎหมายเจ้ากรรมไว้ล่วงหน้า!

นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุเหตุผลของการปรับปรุงยกร่างกฎหมายใหม่ “ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. ...” ที่รวมเอา 2 กฎหมายเดิม คือ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และการเสนอเพิ่มโทษกรณีขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตจากจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือกรณีไม่พกพาใบขับขี่จากปรับ 1,000 บาท เป็น 10,000 บาท นั้น เป็นไปเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะบทกำหนดลงโทษใน 2 กฎหมายเดิมมีความลักลั่นแตกต่างกันอยู่

เหนือสิ่งอื่นใดเหตุผลในการยกระดับความเข้มข้นของอัตราโทษในกฎหมายใหม่ กรณีขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือฝ่าฝืนขณะใบอนุญาตขาดอายุ หรือถูกพักถูกริบใบอนุญาตนั้น เพราะปริมาณรถยนต์-จักรยานยนต์บนท้องถนนเมืองไทยกว่า 27-28 ล้านคันนั้น มีผู้ขับขี่รถยนต์-จักรยานยนต์บนท้องถนนที่ขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตถึง 8-10 ล้านคน

และเมื่อย้อนดูสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจรรายงานนั้นยืนยันการที่เมืองไทยติดทำเนียบประเทศที่มีสถิติอุบัติเหตุเจ็บ-ตายบนท้องถนนมากที่สุดในโลกนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการขับขี่ของผู้คนในสังคมและอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่าร้อยละ 30 ก็มาจากผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตนั่นแหละ

ชี้ให้เห็นถึงความ “หย่อนยาน” ปราศจากจิตสำนึกรับผิดชอบ “ทำอะไรก็ได้คือไทยแท้” จึงได้เสนอเพิ่มโทษตามร่างกฎหมายใหม่ เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักและปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ถือเป็นส่วนสำคัญในการลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

เรื่องของการกำหนดบทลงโทษผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาต ฝ่าฝืนกฎจราจร ขับขี่ย้อนศร หรือขับขี่แม้จะถูกริบถูกยึดใบอนุญาตไปแล้วนั้น บอกตามตรงสำหรับประชาชนคนไทยแล้วคงไม่อินังขังขอบอะไรหรอก และอยากเห็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะเอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เป็นรูปธรรมเสียด้วยซ้ำ!

ที่ผ่านมาเราหย่อนยานปล่อยปละละเลยเรื่องการ Enforce กฎหมายกันจนเข้ากระดูกดำ เด็กเยาวชนไทยวัยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่พ่อแม่กลับปล่อยให้ออกมาซิ่ง ออกมาแว้นกันหน้าสลอนเต็มบ้านเต็มเมือง การขับขี่รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ของผู้คนรึทำอะไรก็ได้คือไทยแท้นั่นแหละคือสิ่งที่เราเห็นกันจน “ชาชิน” ทั้งที่สิ่งเหล่านี้มันคือ ความสูญเสียที่ไม่อาจจะเรียกคืนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น!

ก็น่าอยู่หรอกหากเจ้าหน้าที่รัฐจะเอาจริง เอาจังกับเรื่องนี้!

แต่ที่ผู้คนเขาดาหน้าถล่มกันเป็นวรรคเป็นเวรนั้น ไม่ใช่เพราะบทลงโทษตามตัวบทกฎหมายมันโหดเกินมนุษย์มนาอะไรหรอก แต่เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ขนส่ง และโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้านเมืองเราจะ Enforce อย่างจริงจัง ด้วยพฤติกรรมที่ผู้คนในสังคมเห็นกันจนชาชินนั้น เราเห็นแต่ “หัวปิงปอง” กับพฤติกรรมเรียก-รีด-ไถ กันซะเป็นส่วนใหญ่

เทียบในต่างประเทศที่เขามีบทลงโทษไม่ต่างจากเรา หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ อย่างในสหรัฐอเมริกานั้น กรณีขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตแต่ละรัฐมีโทษต่างกันไปตั้งแต่จำคุก 6 เดือน ปรับ 200-1,000 เหรียญ บางรัฐมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 25,000 เหรียญ (500,000 บาท) ส่วนญี่ปุ่นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 เยน (90,000 บาท) เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียนั้น จำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 1,000 ริงกิต (16,000 บาท)

สิ่งที่แตกต่างกันบ้านอื่นเมืองอื่นเขาเอาจริงเอาจังกับการ Enforce บังคับใช้กฎหมาย ไม่มีมุบมิบๆ แอบซุ่มตามสุมทุมพุ่มไม้คอยดักจับปรับหาเศษหาเลยกันอย่างหัวปิงปองเมืองไทย ที่แตะเข้าไปท้องที่ไหน พื้นที่ใด ร้อยทั้งร้อยเป็นได้เห็นตั้งด่านหาเศษหาเลยกันหมด

ผู้คนเขากลัวว่าด้วยบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นตามร่างกฎหมายใหม่นี้ มันจะกลายเป็น “ดาบ 2 คม” ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ “เหลือขอ” เหล่านี้ แสวงหาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก ขนาดค่าปรับตามกฎหมายเดิมที่กำหนดเอาไว้แค่ 500-1,000 บาท หรือสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท ยังขยันตั้ง “ด่านเถื่อน-ด่านลอย” ปั๊มยอดกันเป็นวรรคเป็นเวร!

ถ้ามีบทลงโทษเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เหลือขอเหล่านี้อย่างจริงจัง เจอแชร์ เจอแฉเมื่อไหร่เป็นออกไม่ต้องสอบให้เสียแรง เชื่อเถอะผู้คนเขาไม่ร้องแรกแหกกระเชอค้านกันระงมแน่ จริงไม่จริง!

ชูชาติ สว่างสาลี


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ