อคส. เตรียมส่งหนังสือทวงถาม 20 ก.ค.นี้ ชดใช้ความเสียหายจำนำข้าว 127 สัญญา ส่วนอีก 117 สัญญา คาดยื่น 15 ส.ค. ถ้าเบี้ยว ส่งฟ้องศาลปกครอง วงในแฉเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวโกง 783 คดี...
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยภายหลัง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ส่งฟ้องทางแพ่งผู้กระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าว ตั้งแต่ปี 51/52, ปี 54/55, ปี 55/56 และปี 56/57 ให้ทันภายในสิ้นปี 61 ว่า ในส่วนคดีทางแพ่งได้สำรวจแล้วพบว่ามีคู่สัญญาของ อคส. ทั้งที่เป็นบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) และเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในโครงการที่ทำผิดสัญญา ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บรักษาข้าวไม่ดีจนข้าวเสื่อมคุณภาพทั้งสิ้น 244 สัญญา โดยในจำนวนนี้ 127 สัญญา อคส.ได้ตรวจสอบความเสียหายเสร็จสิ้นแล้ว และจะส่งหนังสือทวงถามได้ภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อให้คู่สัญญามาชดใช้ค่าเสียหาย
ขณะที่ส่วนเหลืออีก 117 สัญญา คาดว่า อคส.จะสามารถตรวจสอบความเสียหาย และยื่นหนังสือทวงถามให้กับคู่สัญญาได้ภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ หากคู่สัญญาทั้งหมดไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ตามระยะเวลาที่กำหนด อคส.จะรวบรวมเอกสารและสรุปข้อเท็จจริงเสนอให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลปกครองต่อไป โดยคาดว่าทั้ง 244 สัญญา จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก่อนกำหนดที่นายวิษณุขีดเส้นตายภายในสิ้นปีนี้
”อคส.ได้ประชุมร่วมกับรองนายกฯ วิษณุ เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว เดือนนี้จะประชุมวันที่ 19 ก.ค. ท่านได้เร่งรัดให้รีบดำเนินการให้เสร็จ เพราะเกรงจะขาดอายุความ ซึ่งผมได้สั่งตั้งวอร์รูมทันที เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ยืนยันว่าจะได้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้แน่นอน ยืนยันว่าทั้ง 244 สัญญาจะขาดอายุความวันที่ 1 ม.ค.63 ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรตั้งแต่ก่อนปี 51/52 อคส.อยู่ระหว่างดำเนินการเช่นกัน และจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็วเช่นกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) มีมติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.57 ให้ อคส.และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีสำหรับข้าวในสต็อกรัฐบาล จากโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 51/52, ปี 54/55, ปี 55/56 และปี 56/57 ซึ่งมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐาน หรือเป็นข้าวเสื่อม โดยส่งเรื่องให้ อคส.ทราบวันที่ 6 ม.ค.58 จากนั้น อคส.ได้มีหนังสือ 3 ฉบับ ลงวันที่ 12 ม.ค.58 ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคู่สัญญาที่กระทำผิด และดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดดังกล่าวทั้งคดีอาญาและแพ่ง รวม 106 ราย 777 คลังสินค้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ก็ได้ส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งคลังสินค้าที่เป็นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้สอบสวนตามเขตอำนาจ โดยปัจจุบันผลการสอบสวนแล้วเสร็จและพบว่า มีคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย 783 คดี ขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวม 782 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 100,000 ล้านบาท และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มูลค่า 62 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่าไม่ปรากฏมีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกระทำความผิดด้วยอีก 101 คดี โดยขณะนี้คดีที่สอบสวนเสร็จและสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดต่างๆ แล้ว 98 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 10,000 ล้านบาท และอีก 3 คดี ยังสอบสวนไม่เสร็จ และยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน มูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท รวมทั้งหมดทั้งคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด 884 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 115,000 ล้านบาท.